
CHAPTER 1: การเริ่มต้นที่เป็นการสานต่อ ที่น่าจะมีอะไรอีกมากมายตามมา ***
ถ้าไม่รู้ว่าเป็นงานกำกับของโรเบิร์ต ร็อดริเกวซ เรื่องราวตอนแรกของ ‘Star Wars: The Book of Boba Fett’ ก็ถือว่าดูสนุก เอาเพลินได้ แต่พอเห็นเครดิตท้ายเรื่องพะชื่อร็อดริเกวซแล้ว ดูเหมือนว่า หนังออกจะจืดไปนิดเมื่อเทียบกับงานที่ผ่าน ๆ มา แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะเป็นตอนแรก หนังยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เล่า และคงมีลูกเล่นอะไรอีกมากมายตามมา
แต่อย่างน้อย ลูกบ้าเรื่องฉากแอ็กชันก็สมควรจะหวือหวามากกว่านี้ เพราะจากที่เห็นใน ‘Star Wars: The Book of Boba Fett’ รวมถึง ‘The Mandalorian’ มันออกจะดูชืด ๆ ทื่อ ๆ ไปหน่อย โดยเฉพาะบรรดาคิวบู๊ ที่เนิบนาบ หนืด ๆ ซะเหลือเกิน ในยุคที่โลกไปไหนต่อไหนกันแล้ว
จาก ‘Star Wars Episode VI – Return of the Jedi’ โบบา เฟ็ตต์โดนฮัน โซโลสอยจนเครื่องเจ็ตพัง ร่วงจากฟ้ากลายเป็นอาหารอันโอชะของซาร์เล็ค หนอนทะเลทรายบนดาวทาทูอีน ในฉากเปิดเรื่อง ที่ตัวซีรีส์ก็สานต่อแบบติด ๆ จากเหตุการณ์ตรงนั้น เริ่มจากภายในท้องของเจ้าหนอนยักษ์ ในแบบเดียวกับที่พิน็อคคิโอดิ้นรนหนีออกมาจากท้องปลาวาฬ แต่ดูเลวร้ายมากกว่า แล้วก็เจอวิบากกรรม อย่าง ถูกลอกคราบโดยพวกจาวาส์ ถูกจับตัวโดยมนุษย์ทราย ซึ่งมีการตัดสลับกับความเป็นมาในปัจจุบัน ที่เขาเข้ายึดบัลลังก์ของแจ็บบา เดอะ ฮัต ที่รับต่อจากเรื่องในตอนจบของ ‘The Mandalorian’ ปีที่ 2
ที่ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน โบบาก็ต้องต่อสู้ไม่ต่างกัน ปัจจุบันเพื่อแสดงอำนาจและการเป็นผู้ปกครองคนใหม่ อดีตเพื่อเอาตัวเองให้รอด ต่างกันแค่ศัตรูที่เขาต้องรับมือ ที่ในยุคปัจจุบันดูจะยากระบุตัวตน ผิดกับอดีตกาลที่รู้หน้าก็รู้ใจ
หนังมาพร้อมบรรยากาศในแบบเดียวกับที่สัมผัสได้จากงานอย่าง ‘El Mariachi’ หรือจะให้หรูหน่อยก็คือ ‘Desperado’ มีกลิ่นอายหนังตะวันตกสปาเก็ตตี มีอารมณ์ขัน ที่รับกับงานที่เริ่มไว้ใน ‘The Mandalorian’ แล้วก็มีความเป็นตัวของตัวเองด้วย สองนักแสดงนำ เททูรา มอร์ริสัน กับหมิงนาเว็น ที่รับบทเป็นโบบา กับเฟ็นเน็ก แชนด์ ลูกมือของฝ่ายแรก ตามลำดับ แม้จะไม่ถึงกับเข้าขากันเป๊ะ ๆ แต่ก็รับ-ส่งกันได้ดี แต่จะว่าไปแล้วมอร์ริสันดูอุ้ยอ้ายไปนิดกับการเป็นนักล่าค่าหัวชื่อดังของแกแล็กซี
งานโปรดัคชั่นมาดี โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่มีเสน่ห์มาก ๆ โทนหนังมีความเป็นงานครอบครัวแบบเดียวกับ ‘The Mandalorian’ ซึ่งน่าจะบางเบาไปนิด หากชอบอะไรที่เข้มข้น
หนังจบตอนแรกไว้ตรงที่โบบาในอดีตกลายเป็นฮีโรของพวกมนุษย์ทราย ส่วนปัจจุบันก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการนั่งบัลลังก์ของแจ็บบา และน่าจะมีอะไรตามมาอีกเพียบ เมื่อชีวิตของโบบา เฟ็ตต์นั่นโยงใยกับอะไรมากมาย แล้วตัวเรื่องที่เล่นใน… ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นตอนแรก แต่เอาเข้าจริง ๆ มันให้ความรู้สึกแบบงานเกริ่นนำมากกว่า เพราะว่ามันจิ๊บจ้อย และน้อยกว่าออเดิร์ฟด้วยซ้ำ
CHAPTER 2: กับเรื่องราวที่จะแตกหน่อ ต่อยอดออกไป
จากตอนแรกที่เหมือนกับเป็นการเกริ่นนำ ตัวละครหลัก อย่าง โบบา เฟ็ตต์ และเฟ็นเน็ก แชนด์ มือขวา กลาย ๆ โดยเฉพาะการรอดตายจากตัวซาร์แล็กก์ ที่อยู่ในตอนต้นเรื่องของ ‘Star Wars- Episode VI: Return of the Jedi’ ของเฟ็ตต์ ซึ่งเล่าสลับไปมากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ที่เฟ็ตต์กับแชนด์ ยึดอำนาจของแจ็บบา เดอะ ฮัตมาไว้ในมือ และพยายามเรียนรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในทาทูอีน
สิ่งที่เปลี่ยนไปและเพิ่มเติมในตอนนี้ก็คือ ตัวเรื่องปัจจุบันและอดีตของเฟ็ตต์ เห็นได้ชัดว่ามีการซ้อนทับกัน เพราะต่างก็เป็นการเรียนรู้ชีวิต และสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเหมือนกัน หากแต่เป็นคนละสถานภาพ
ขณะที่ในปัจจุบันเฟ็ตต์กำลังรับมือกับอำนาจที่ได้มาจากแจ็บบา และทำความรู้จักว่าใครคือมิตร หรือศัตรู ที่ในฉากจบของตอนแรก เขากับแชนด์ต้องรับมือกับพวกมือสังหารลึกลับ โดยที่มีบุคคลต้องสงสัยก็คือ นายกเทศมนตรีของมอส เอสปา – ม็อก ไชซ์ อดีตของเขาก็ต้องทำความรู้จักกับชีวิตในฐานะเชลยของพวกทัสเคนไรเดอร์ ที่แตกต่างไปจากเขาทั้งการดำรงชีวิต และภาษา
โดยอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่แตกต่างกันก็คือ ความพยายามที่จะเอาชนะใจคนรอบข้าง ที่จะทำให้เฟ็ตต์ได้มาทั้งอำนาจ ความยำเกรง การยอมรับ หรือว่าความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งขณะที่อดีตของเขาสามารถทำได้ แต่ปัจจุบันของเฟ็ตต์ยังต้องหาหนทางต่อไป เมื่อสภาพแวดล้อม ผู้คน ที่อยู่รายรอบนั้นล้วนแตกต่าง
หนังยังเปิดหน้าตัวละครใหม่ ๆ ชุดใหญ่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นพวกไพก์ ที่มีขบวนรถสินค้าขนเครื่องเทศผ่านแดนของพวกทัสเคนไรเดอร์ (ที่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่า ‘Star Wars’ ก็คืองานอีกเรื่องที่ได้รับอิทธิพลมาจาก ‘Dune’), ฝาแฝดที่มีสายเลือดเดียวกันกับแจ็บบา ที่ต้องการทวงอำนาจของแจ็บบาคืน ที่เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ย่อมกลายมาเป็นศัตรูของเฟ็ตต์ ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบันโดยไม่ช้าก็เร็ว
โทนของหนังยังให้ความรู้สึกแบบหนังตะวันตกอยู่ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะสภาพพื้่นที่ ซึ่งเต็มไปด้วยทะเลทรายให้ความรู้สึกเดียวกันกับหนังคาวบอยสปาเก็ตตี แต่ก็เริ่มมีสัมผัสบางอย่างที่แตกต่าง โดยเฉพาะตัวเรื่อง ที่การปรากฏตัวของตัวละครที่เพิ่มเข้ามา ทำให้เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้น ที่น่าจะได้เห็นต่อไปว่า จะแตกหน่อต่อยอดไปทางไหน ซึ่งการเล่าเรื่องเองก็ยังคงความน่าติดตามเอาไว้ได้ โดยมีฉากใหญ่เป็นฉากปล้นขบวนรถไฟ ที่อาจทำให้นึกถึงฉากคล้าย ๆ ใน ‘Solo: A Star Wars Story’ แม้จะมาในสเกลที่เล็กกว่ามาก แต่ก็สร้างความตื่นเต้นและสนุกสนานได้ไม่ยาก รวมถึงเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ตัวหนังยังคงบรรยากาศแบบงานตะวันตกเอาไว้ได้
และหลังจากเปิดหน้าตัวละคร และเผยหัวเรื่องบางส่วนออกมามากขึ้น ในตอนต่อ ๆ ก็คงได้รู้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะแตกหน่อต่อยอดไปยังไง
(THE BOOK OF BOBA FETT ทางดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์)
โดย นพปฎล พลศิลป์
เป็นกำลังใจให้ www.facebook.com/Sadaos ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนเงินมาที่ shopsadaos@gmail.com เพื่อดำเนินการมอบรางวัลให้กับผู้สนับสนุนที่โชคดีต่อไปเป็นประจำทุกเดือน
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่