By Sadaos
SULLY: พล็อตอาจจะชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง Flight ของ โรเบิร์ท เซเม็คคิส ที่เดนเซล วอชิงตันรับบทกัปตันที่สามารถพาเครื่องลงสู่พื้นรอดตายจากวิกฤตได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะเจอวิบากกรรมครั้งใหญ่จากการสืบสวนหาสาเหตุการร่อนลงแบบฉุกเฉิน ที่กลายเป็นการเปิดเผยความจริงที่ว่า เขาจัดหนักเหล้ายาปลาปิ้งก่อนที่จะขึ้นบินไม่นานนัก
กับ Sully สถานภาพของกัปตันซัลลี ดูดีกว่าเยอะ โดยเขาสามารถนำเครื่องลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน และทำให้ผู้โดยสาร 155 คนรอดชีวิตได้สำเร็จ แต่เมื่อมาถึงกระบวนการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุ สิ่งที่ซัลลีตัดสินใจทำลงไป ดูจะเป็นการเสี่ยงเกินกว่าเหตุ เพราะมีสัญญาณหลายๆ อย่าง ที่แสดงให้เห็นว่า เขามีทางเลือกที่ดีกว่าและเป็นไปได้มากกว่า ในเรื่องการลงจอดอย่างปลอดภัย นอกเหนือไปจากแม่น้ำฮัดสัน ที่การสืบสวนยิ่งเดินหน้าไป ซัลลีก็เหมือนถูกต้อนเข้ามุมรอโดนหมัดน็อค ยิ่งการสืบสวนยืดเยื้อ สภาพเศรษฐกิจในครัวเรือนของเขา ที่จมอยู่กับปัญหาอยู่แล้ว ก็อาจจะหมดโอกาสโผล่ขึ้นมาหายใจ
นอกจากหลักฐานทุกอย่างจะบีบซัลลีให้เข้าตาจน หนังก็เผยให้เห็นตัวตนของเขาอีกด้านหนึ่ง ผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยที่เขาตั้งขึ้น ที่โปรโมทคุยโม้บนเว็บไซต์ซะสวยงาม น่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วบริษัทไม่ได้มีอะไรที่สวยงาม หรือน่าเชื่อถือขนาดนั้น
ซึ่งในที่สุด… การสืบสวนก็มาคราวแตกหัก ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าจะรู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นยังไง ซึ่งตรงนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ต่อให้มีคนสปอยล์ออกมาก็ตามเถอะ เพราะสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอไม่ใช่ผลลัพธ์ แต่เป็นการได้มาซึ่งผลลัพธ์ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ ที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตขนาดไหน หากยังมีสติและประสบการณ์ ก็ยังมีโอกาสมองเห็นทางออกของปัญหา หรือสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นแค่แสงรำไร หรือแสงสว่างเจิดจ้าก็ตาม
แม้จะเดินหน้าแบบค่อยๆ เดินหน้าไปเรื่อยๆ ในแบบที่ได้เห็นกันในหนังเรื่องก่อนๆ ของคลินท์ อีสต์วูด แต่ Sully ก็มีสถานการณ์ที่เข้มข้น น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ขณะที่ฉากเครื่องบินร่อนลงบนแม่น้ำฮัดสัน ก็ทำได้น่าตื่นตา และถูกจัดวางไว้ในช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะ ในยามที่การสืบสวนกำลังเข้มข้น (แม้ซีจีฉากเครื่องบินกระทบผิวน้ำจะดูหลอกๆ ตาไปหน่อยก็ตามที) แล้วถึงจะได้เห็นกันอยู่หลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมาแต่ก็นำเสนอรายละเอียดที่เพิ่มมากขึ้นทีละนิดๆ ขณะที่ในภาพรวม การรอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์ของลูกเรือและผู้โดยสารรวม 155 คน ก็แสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ที่ลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ใช่แค่เพราะซัลลี กับนักบินผู้ช่วย แต่ยังเป็นเพราะการทำงานของหน่วยอื่นๆ ที่มีความพร้อม และให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
เมื่อรวมกับสิ่งที่ถูกนำเสนอในการสืบสวน Sully คืองานเชิดชูความเป็นมนุษย์ ความเชื่อมั่นในการต่อสู้กับอุปสรรค และแก้ไขปัญหาเฉพาะของผู้คน ด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงสติ
เทียบกับหนังเรื่องหลังของปู่คลินท์ Sully อาจจะดูนุ่มนิ่มไปบ้างสำหรับการเล่าเรื่อง แต่ก็ได้พลังในการแสดงแบบจัดเต็มของทอม แฮงค์ส และแอรอน เอ็คฮาร์ท มาทำให้หนังดูแข็งแรง และมีความกระฉับกระเฉงในตัว แม้การแสดงของแฮงค์สมีศักยภาพมากพอที่จะไปถึงเวทีรางวัล แต่เอ็คฮาร์ทก็ให้เสน่ห์ที่ทำให้ตัวละครของเขามีความน่าสนใจ ที่สำคัญเคมีของทั้งคู่ เข้ากันได้เหมาะเจาะลงตัว
ในยุคที่เครื่องจักร และเทคโนโลยีกำลังเข้ามากลืนกินความเป็นมนุษย์ Sully คือการตอบโต้ของอีสต์วูด ด้วยการแสดงให้เห็นว่า ที่สุดแล้ว ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำเพียงใด สมองคนก็ทำงานได้ดี และมีการตัดสินใจที่หลากหลายกว่าสมองกลอยู่ดี เมื่อบวกกับประสบการณ์และอยู่ในสภาวะที่สติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์
ความชมหากชอบ: Flight, The Walk, Apollo 13, United 93
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่
What is your reaction?
