
THE DANISH GIRL: จากเรื่องจริงของผู้ชายที่เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศคนแรกของโลก ไอนาร์ เวเกเนอร์ ที่กลายมาเป็นหนังสือ และเป็นที่มาของหนังเรื่องนี้ ที่กำกับโดยทอม ฮูเปอร์ ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก The King’s Speech ที่นำเสนอเรื่องราวในครั้งนี้ในแบบที่แทบจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือผลกระทบจากการตัดสินใจของไอนาร์ ที่มีต่อคนที่ใกล้ตัวมากกว่า จะว่าด้วยสิ่งที่เขาทำ หรือคิด แสดงออก ตลอดจนตัดสินใจ มีผลอะไรบ้างกับสังคม ผู้คนทั่วไปมีทัศนคติอย่างไรต่อเขา
และเลือกที่จะนำเสนอเพียงแค่ชีวิตของไอนาร์กับเกอร์ดา รวมไปถึงเพื่อนที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขา แล้วขณะที่ แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของไอนาร์ จากจิตรกรเจ้าของภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ของบ้านเกิด ค่อยๆ กลายเป็นลิลลี หนังก็แสดงถึงความรัก ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจของเกอร์ดา ภรรยาที่เป็นจิตรกรของไอนาร์ ซึ่งเริ่มจากความสับสน รู้สึกสูญเสีย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ เห็นใจ และเสียสละในท้ายที่สุดควบคู่กันไป
ศูนย์กลางของหนังอยู่ที่คนสองคน และหนังจะอยู่หรือไปก็อยู่ที่คนสองคน เอ็ดดี เรดเมย์น และอลิเซีย วิแคนเดอร์ ที่เป็นไอนาร์ (ลิลลี) และเกอร์ดา รับส่งกันได้อย่างลงตัว และมอบการแสดงที่เชื่อได้อย่างสนิทใจว่าทั้งคู่เป็นจัวละครในเรื่องจริงๆ ขณะที่เรดเมย์นค่อยๆเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างช้าๆ จนไปถึงจุดที่พีคสุดๆ ได้อย่างกลมกลืน อลิเซีย วิแคนเดอร์ ก็เต็มไปด้วยภาวะความขัดแย้งในใจ ที่ด้านหนึ่งก็ใช่ว่าจะยอมรับได้กับการเปลี่ยนแปลงของสามี อีกด้านก็ต้องทำใจกับการที่เขาจะไม่กลับมาเหมือนเดิม ที่มีความรัก ความเข้าใจผสมผสานอยู่ข้างใน วิแคนเดอร์ ถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นภาษาตา ภาษากาย หรือในน้ำเสียงที่เปล่งออกมา
โดยเฉพาะการแสดงออกถึงการปล่อยไอนาร์ ให้เป็นลิลลีทั้งตัวและหัวใจ แต่สายตานั้นอยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมเหลือเกิน…
และทำให้หนังเรื่องนี้ เป็นมหรสพที่ขายการแสดงชั้นดี กับเรื่องราวที่ว่าด้วยความรักได้อย่างงดงาม
แต่เรื่องราว หรือประเด็นอื่นๆ ของหนังก็ถือว่าขาดพร่องไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องทางสังคม ผลกระทบที่ไอนาร์สร้างขึ้นต่อคนรายรอบ และทัศนคติของผู้คนที่มีต่อเขาขาดหายไป กับบางส่วนที่ใส่เข้ามา อย่างการถูกทำร้ายของลิลลี ก็ดูเป็นส่วนเกินที่พะรุงพะรังของหนัง เมื่อศูนย์กลางทุกอย่าง อยู่ที่ความรัก ความเข้าใจของคนสองคน และหนังก็วางทิ้งสิ่งต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์หรือ กิจกรรมความรักไปแทบหมดเกลี้ยง จะตัดติ่งยื่นที่น่ารังเกียจออกไปจนสิ้นซากก็ไม่น่าเสียหาย
แล้วที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ งานกำกับภาพ ที่ทำได้อย่างงดงาม ไม่ต่างไปจากภาพวาด โดยเฉพาะของไอนาร์ ที่เป็นจิตรกรภาพวิว หลายฉากๆ จัดมุมมองเป็นภาพเปอร์สเปคถีฟ วางคอมโพส การใช้สีในแบบภาพที่ถูกเขียนบนพื้นผ้าใบ มากกว่าจะเป็นแค่ภาพที่มองชีวิตผู้คนผ่านเลนส์
ซึ่งก็เสริมความโดดเด่นของตัวละคร และเรื่องราวของพวกเขา ให้งดงามยิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะทำให้ความรักและความเข้าใจของพวกเขา เลิสเลอ ดูมีค่า และชนะทุกอย่าง… ได้อย่างที่เห็น
ควรชมหากชอบ: The Theory of Everything, Iris (2001)
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่