Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว THE HUMMINGBIRD PROJECT ชัยชนะ บนความพ่ายแพ้ของคนตัวเล็กๆ

THE HUMMINGBIRD PROJECT: เพื่อความฝันที่จะมีชีวิตอย่างที่คิดไว้ ความสำเร็จ เงินก้อนโต หรือว่าอะไรก็ตามที่หมายถึงความก้าวหน้า ทำให้วินเซนท์ ซาเลสกีชักชวนแอนทอน ลูกพี่-ลูกน้องลาออกจากบริษัทซื้อ-ขายหุ้น มาทำงานที่เป็นคู่แข่งกับเอวา ทอร์เรส เจ้านายเก่าที่พยายามหาทางทำให้บริษัทของตัวเองมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้ช่วงชิงความได้เปรียบในการซื้อขายหุ้นข้ามรัฐ และนำไปสู่รายรับมูลค่าหลายๆ พันล้านเหรียญ

ขณะที่เอวายังไม่รู้ว่าจะไปทางไหนระหว่างการส่งข้อมูลผ่านเสาสัญญาณไมโครเวฟ และการทำให้สายสัญญาณส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น วินเซนท์ที่เป็นลูกช่างประปาเก่าและแอนทอนที่ดูแลเรื่องการส่งข้อมูลผ่านสายสัญญาณของบริษัท เลือกการวางสายไฟเบอร์อ็อพติคต่อตรงจากแคนซัสมาถึงนิว ยอร์ค พร้อมหาทางลดความล่าช้าของสัญญาณที่เกิดขึ้นระหว่างทางจากปัจจัยต่างๆ ให้ความเร็วเหลือเท่ากับความเร็วในการกระพือปีกของนกฮัมมิงเบิร์ด

งานนี้ วินเซนท์บอกมาร์ค เพื่อนร่วมงานที่ดูแลเรื่องการขุดและวางท่อร้อยสายว่า เป็นการต่อสู้ระหว่าง พวกเขาที่เป็นเดวิดกับยักษ์โกไลแอ็ธ-อดีตเจ้านาย

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แม้แอนทอนยังเพิ่มความเร็วเท่ากับที่บอกผู้ให้ทุนพวกเขาไม่ได้ก็ตาม อุปสรรคก็เป็นเรื่องการทำงาน ทั้งการกล่อมเจ้าของที่ยอมให้เจาะลงไปใต้พื้นดินเพื่อร้อยท่อ หรืออุปสรรคทางธรรมชาติ ที่มาร์คกับวินเซนท์ก็ผ่านมาได้ แต่เมื่อใกล้จะสุดทาง กลีบกุหลาบก็กลายเป็นหนาม วินเซนท์เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย, การทำงานเจออุปสรรคครั้งใหญ่ทั้งทางธรรมชาติและการไม่ยอมขายที่ดินให้ของพวกเอมิช ที่ร้ายที่สุดก็คือ เอวารู้เรื่อง เธอสั่งเดินหน้าเต็มตัวเพื่อให้แผนงานของบริษัทเสร็จก่อนและส่งข้อมูลได้เร็วกว่า กลายเป็นโกไลแอ็ธที่หันมาสู้กับลูกน้องเก่าเต็มตัว

นั่นหมายความว่า เวลาของวินเซนท์ที่มีไม่มากต้องน้อยลงไปอีก โดยที่ไม่รู้ว่าเหลืออีกเท่าไหร่ เพราะหนนี้สิ่งที่เขาและทีมต้องเอาชนะไม่ใช่แค่ธรรมชาติกับเจ้าของที่ดิน แต่คือบริษัทที่มีทั้งกำลังเงินและกำลังคน จากที่ต้องการความเร็วในการส่งข้อมูลระดับนกฮัมมิงเบิร์ดกระพือปีก พวกเขาไม่ต่างจากนกฮัมมิงเบิร์ด นกตัวเล็กที่สุดในโลก (ขนาดราวๆ 5 เซนติเมตร) ที่ต้องบินฝ่าแรงลม สายฝน อุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย

คิม เหงียนที่ทั้งเขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้ เล่าเรื่องราวการต่อสู้ครั้งนี้ได้น่าติดตาม จังหวะในการเล่าเรื่อง ที่กระฉับกระเฉง สมกับเป็นหนังที่ว่าด้วยความเร็วของการส่งข้อมูลระดับ มิลลิวินาที ก่อนที่ทุกอย่างจะบีบคั้นกดดันมากขึ้นในตอนท้าย แล้วก็ผ่อนคลายในบทสรุป ตัวละครมีพัฒนาการที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสองตัวละครศูนย์กลางของหนัง วินเซนท์กับแอนทอน

รายแรกเป็นหนุ่มเจ้าความคิด ที่หลายครั้งปากแปรความคิดเป็นคำพูดแทบไม่ทันด้วยซ้ำ ซึ่งต่างจากแอนทอน หนุ่มเนิร์ดที่โอภาปราศรัยกับใครไม่เป็น และดูเหมือนถูกควบคุมโดยวินเซนท์ ที่ภาพลักษณ์เริ่มต้น ก็คือพวกหน้าเงิน คนกระหายเลือด เพื่อเป้าหมายแล้วยอมทำทุกวิธีทางเพื่อไปให้ถึง โดยเฉพาะการเอาเงินฟาดหัวทั้งเพื่อนร่วมงาน และเจ้าของที่ดิน กระเสือกกระสนเพื่อความสำเร็จ โดยไม่สนใจว่าสภาพร่างกายของตัวเองเป็นยังไง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็ได้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์ของวินเซนท์มากขึ้น จากความห่วงใยที่มีกับแอนทอน ทั้งๆ ที่ตัวเองย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ หรือการปฏิบัติต่อชุมชนเอมิช ที่ตอนแรกปฏิเสธการขายที่ให้เจาะท่อลอดในตอนท้าย แม้อาจจะเป็นผลพวงจากการที่ได้รับรู้ถึงเวลาในชีวิตก็ตามที

ส่วนตัวตนของแอนทอน เขาอาจเลือกที่จะเป็นอย่างที่เห็น ยอมให้วินเซนท์ออกหน้าโดยดุษฎี เมื่อได้เห็นลักษณะนิสัย และการวางตัวต่อ ‘โลก’ ของเขา บางทีคงเป็นเรื่องดีมากกว่า ที่เขาจะยอมเป็นช้างเท้าหลังหรือเป็นแค่หางของวินเซนท์ เพราะจากที่เห็นการเอาคืนกับเอวา แอนทอนไม่ใช่หนุ่มเนิร์ดเซื่องๆ ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร

เหงียนได้สองนักแสดงฝีมือดีมารับบท เจสซี ไอเซนเบิร์กเป็นวินเซนท์ และอเล็กซานเดอร์ สคาร์สการ์ดเป็นแอนทอน ฝ่ายหลังดูจะได้รับคำชื่นชมมากกว่า เพราะขณะที่วินเซนท์ของไอเซนเบิร์กไม่ต่างจากบทที่เขาเคยเล่นมาแล้วในหนังเรื่องก่อนๆ หน้า อย่าง The Social Network, Batman V Superman: Dawn of Justice แม้จะทำได้ดี แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จ แต่กับสคาร์สการ์ดนี่คือการพลิกบทบาทจากที่เคยเห็น ไม่ได้ขายเสน่ห์เหมือนงานสร้างชื่อ แวมไพร์เจ้าเสน่ห์ในซีรีส์ True Blood หรือมาดแมนๆ ใน The Legend of Tarzan แม้จะคลับคลากับหนุ่มใบ้ผู้มีรักแท้ใน Mute หนังเน็ทฟลิกซ์ แต่เรื่องนั้น ภาพลักษณ์ก็ดูดี มีเสน่ห์กว่าหนุ่มศีรษะล้าน เข้าสังคมไม่ได้เช่นที่แอนทอนเป็น

ถึงเสียงตอบรับจะไม่เท่ากัน แต่ในหนังทั้งคู่รับ-ส่งกันได้เข้าขาลงตัว เชื่อได้ว่า ภายใต้ร่างที่เหมือนเห็นแก่ตัวของวินเซนท์ ชีวิตที่ไม่เอาใครของแอนทอน ทั้งคู่มีและเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กันและกันจริงๆ

เหงียนปิดท้ายเรื่องในแบบที่ไม่ได้แฮปปี เอนดิงสมบูรณ์แบบ เมื่อปกคลุมด้วยความเศร้า หม่น สองหนุ่มทำได้ตามฝันแค่บางส่วน วินเซนท์ได้สะสางปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน และเมื่อหนุ่มผู้แปลกแยกแนะนำไอเดียใหม่ให้ลูกพี่ลูกน้องที่สภาพร่างกายย่ำแย่เต็มทีรับรู้ ไปๆ มาๆ สิ่งที่ทำกันมาทั้งเรื่อง ดูเหมือนเพื่อให้ฝันของแอนทอนเป็นจริงด้วยซ้ำไป กลายเป็นการตอกย้ำถึงหัวจิตหัวใจที่มีเลือดมีเนื้อของวินเซนท์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ที่สุดแล้วพวกเขาก็เปรียบได้กับเดวิดหรือนกฮัมมิงเบิร์ด ที่แม้จะดูด้อยกว่าศัตรูหรือมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แต่ก็มีอะไรเกินตัวซุกซ่อนอยู่ข้างใน อาจเป็นความสามารถ อาจเป็นความงดงามของจิตใจที่ผิดไปจากแสดงออกสุดขั้ว ทุกอย่างต้องดูให้ลึก ให้ยาว ช้าๆ ผ่านภาพลักษณ์หรือเปลือกนอก

ภาพสุดท้ายของหนังสองหนุ่มที่บากบั่นต่อสู้ร่วมกันมายาวนาน นั่งมองสายฝนที่ตกลงด้านนอกชายคา ที่เป็นภาพสโลว์โมชันเห็นเป็นสายดูสวยงาม เย็นฉ่ำ ผิดกับปฏิการแข่งกับเวลา และภารกิจสร้างความเร็วของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับจะบอกว่า ภายใต้ความเร่งรีบของชีวิต ที่มีแต่จะเร็วขึ้น ลองแตะเบรคดูบ้าง ความสงบ และความสวยงามของโลก พร้อมให้เราพบเห็นอยู่ตรงนั้น

และหลังจากบีบเค้น กดดัน ทั้งตัวละครและผู้ชมมาเกือบๆ 2 ชั่วโมง คิม เวนก็ปลดปล่อยทั้งตัวละคร และผู้ชมไปพร้อมๆ กัน

ผู้กำกับ: คิม เหงียน นักแสดง: เจสซี ไอเซนเบิร์ก, อเล็กซานเดอร์ สคาร์สการ์ด, ซัลมา ฮาเย็ค, ไมเคิล แมนโด, ซาราห์ โกลด์เบิร์ก, แอนนา แมไกวร์, แฟรงค์ สคอร์เปียน, โยฮาน เฮลเดนเบิร์กห์, ควาซี ซองกิว, เอยชา อิสซา

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 30 ฉบับที่ 11

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.