
อาจจะทำให้นึกถึงงานอย่าง ‘The Jungle Cruise’ ที่ดเวย์น จอห์นสัน จับคู่กับเอมิลี บลันต์ ด้วยความที่เป็นงานรอม-คอม ผจญภัยตามล่าหาขุมทรัพย์ พระ-นางเป็นพวกพ่อแง่แม่งอนไม่ต่างกัน แต่ด้วยรายละเอียดบางอย่าง เช่น มุขของตัวละคร ที่มาของอารมณ์ขัน ‘The Lost City’ หนังของซานดรา บูลล็อกกับแชนนิง เททัม จะให้ความรู้สึกที่โตกว่า ด้วยความที่เล่นกับเรื่องโรแมนซ์ ความเซ็กซี
บูลล็อกเป็นลอเร็ตตา เพจ นักเขียนนิยายโรแมนซ์-ผจญภัยสายหวาม ที่มีอลัน แคพริสัน ตัวละครของเททัมเป็นนายแบบประจำหน้าปก จนตัวเองหลงว่าเป็นแดช พระเอกในนิยาย ที่อาจทำให้นึกถึงนักแสดงในบ้านเราคนหนึ่ง ที่เล่นมิวสิก วิดีโอของหยาด นภาลัย จนใคร ๆ คิดว่าเป็นหยาด นภาลัย
ที่ด้วยความหล่อเหลา และร่างล่ำ ทำให้งานเปิดตัวหนังสือกลายเป็นงานรวมสาว ๆ ที่อยากจะมาดูแผงอกของนายแบบ มากกว่าจะใส่ใจกับนิยายของเธอ ที่ยอดขายถดถอย
แต่นั่นยังไม่ใช่หายนะที่แท้จริงในชีวิตของเธอ เมื่อเพจถูกมหาเศรษฐีสติเฟื่อง – อบิเกล แฟร์แฟ็กซ์ (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) จับตัวไป เพราะเชื่อว่าเธอสามารถค้นหาทางไปเมืองโบราณในนิยายได้สำเร็จ และจะทำให้เขาได้มงกุฏอัคคีมาครอบครอง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความบันเทิงแบบเต็มตัวของหนังเรื่องนี้ เมื่ออลัน และผู้จัดการสาวร่างจ้ำม่ำของเพจต่างออกตามหาตัวเธอ โดยฝ่ายแรกมีตัวช่วยอย่างอดีตทหารผ่านศึก แจ็ก เทรนเนอร์ ที่ได้แบรด พิตต์ มาเล่น
หนังเต็มไปด้วยมุขตลกแบบหนังพ่อแง่แม่งอน รวมไปถึงการกระทำรั่ว ๆ เรื้อน ๆ ผิดที่ผิดทางของสองตัวละครหลัก ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ และไม่น่าจะมีศักยภาพมากพอจะพาตัวเองรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ หากก็ไม่ต่างไปจากที่เห็นในหนังรอม-คอมทั้งหลาย ทั้งคู่เริ่มมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่อยู่ในตัวของฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะเปิดใจให้กันมากขึ้น
ซึ่งทั้งบูลล็อกและเททัมก็เล่นรับ-ส่งกันได้สนุก เป็นเคมีที่ต้องตรงกัน
ขณะที่บรรดานักแสดงสมทบทั้งหลาย ก็เล่นได้มันส์ไม่แพ้กัน
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ขึ้นจอในแบบยกระดับความบ้าบอมากกว่าใน ‘Now You See Me 2’ อีกระดับ และดูเหมือนว่า กับการเป็นตัวละครในแบบที่มีความเพี้ยน ความสุดโต่งบางอย่างในตัวแบบนี้ ดูน่าจะเหมาะกับ นักแสดงที่แจ้งเกิดจากหนังชุด Harry Potter เป็นพิเศษ
ดา’ไวน์ จอย แรนดอล์ฟ ที่รับบทผู้จัดการ และแพ็ตตี แฮร์ริสัน ที่มาเป็นประชาสัมพันธ์ฝ่ายโซเชียลมีเดีย ของลอเร็ตตาก็เล่นได้สนุก โดยเฉพาะรายหลังที่มีลูกจิกกัดบรรดาการขายตัวเซเล็บบนสื่อสังคมออนไลน์กลาย ๆ แบบเบา ๆ
แต่ที่ถือว่าเป็นตัวขโมยซีนได้สุด ๆ ก็คือ แบรด พิตต์ ที่ขึ้นจอในแบบกะมาขายฮาเต็มที่ ในบทที่เหมือนจะเป็นการผจญภัยในอีกรูปแบบหนึ่งของตัวละครจากหนัง ‘Burn After Reading’ ที่เรื่องนั้นเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสส์ แต่เรื่องนี้เป็นอดีตเนวีซีล ที่ผันตัวมาเป็นซีไอเอ และครูสอนนั่งสมาธิ เจ้าของคำคม และมาดเนี้ยบ ๆ ในแบบหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ ที่….
เรื่องราวของหนังไม่ยากเกินคาดเดา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องตำหนิ หรือเป็นสิ่งที่หนังอยากให้เป็น หากเป็นเรื่องของความบันเทิง ความสนุกในแบบงานรอม-คอม ผจญภัยต่างหาก ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ดี ในแบบงานคลาสสิกอย่าง ‘Romancing the Stone’ ของไมเคิล ดักลาส กับแคเธอลีน เทอร์เนอร์จากยุค ‘80s ที่เรื่องราวเอื้อให้เกิดอารมณ์ขัน ความโรแมนซ์ในแบบงานเบาสมอง และเปิดทางให้บรรดานักแสดงได้เล่นอะไรสนุก ๆ อย่างเต็มที่
และจากที่เห็น ทั้งสองนักแสดงนำของหนัง ตัวร้ายของเรื่อง หรือว่านักแสดงสมทบ ตลอดจนตัวประกอบอย่าง พิตต์ ล้วนขึ้นจอได้ในแบบที่รู้สึกได้ถึงความมันส์ หรือความสนุกในการทำงาน
ขณะที่บรรดามุขตลก อารมณ์ขัน ต่างก็ทำงานเป็นอย่างดี
แล้วที่สำคัญที่สุด ในเรื่องของการรับ-ส่ง เคมีนักแสดง และเสน่ห์ของพวกเขา ที่หนังรอม-คอมดี ๆ “ต้อง” มี ไม่ใช่สิ่งที่ ‘The Lost City’ ขาดหาย แต่จัดเต็มและใส่มาให้เต็มที่จริง ๆ
ซึ่งเหมาะเหลือเกินที่จะใช้สร้างความบันเทิงให้ชีวิต
โดย นพปฎล พลศิลป์
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่