
ยู (กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์) เด็กหนุ่มที่มีเกมออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ (สัญญา คุณากร) ที่เปิดร้านรับถ่ายเอกสาร โดยเขาดูเหมือนไม่สนใจความเป็นไปของโลกรอบตัว หน้าที่การงานก็ไม่มีทำเป็นเรื่องเป็นราว แต่ด้วยความสามารถที่มีอยู่ในตัว ยูถูกโฮม (ภูมิภัทร ถาวรศิริ) ชักชวนเข้าร่วมทีมปั้มแรงก์ (ปั้มอันดับในเกม) เพื่อหารายได้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎในโลกของผู้เล่นเกมออนไลน์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมายในโลกแห่งความเป็นจริง
ยูตัดสินใจเข้าร่วมทีม ดิอัปแรงก์ (The Up Rank) ของโฮม ที่มีพีท (กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) นักกีฬาอี-สปอร์ตระดับโปร และแฟนสาว – ทอย (สุดารัตน์ ผุงศิริ) สตรีมเมอร์ที่มีความฝันบางอย่างในตัว ธุรกิจของโฮมดำเนินไปได้ด้วยดี ลูกทีมทั้งสามคนทำเงินให้กับดิอัปแรงก์และตัวได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่เมื่อความโลภเข้าครอบงำ และปัญหาบางอย่างในชีวิตบีบเข้ามา ทำให้โฮมตัดสินใจกู้เงินนอกระบบก้อนโตเข้ามาเพื่อขยายเครือข่าย ไปสู่กลุ่มเด็ก ๆ ตามท้องถนน พร้อมกับรับงานแบบไม่อั้น ทำให้สมาชิกแต่ละคนงานล้นมือ ในที่สุดกิจกรรมที่ทำแล้วสนุกด้วยได้เงินด้วย ก็เปลี่ยนแปลงไป ความเครียดเข้าครอบงำ ความกดดันถาโถม และโลกด้านมืดที่ถึงจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ก็หันมาเล่นงานพวกเขาจนชีวิตต้องพลิกผันไปจากที่เคยเป็นสุดขั้ว
ที่ด้วยเรื่องราว ‘อาชญาเกม’ มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้นึกถึง ‘Goal Club… เกมล้มโต๊ะ’ หนังไทยคลาสสิกยุคใหม่เมื่อหลายปีก่อน ที่ว่าด้วยวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่รักในกีฬาฟุตบอล แล้วไปพัวพันกับแก๊งพนันบอล หรือโต๊ะบอล ในฐานะเด็กเดินโพยที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาให้เป็นไปในทางที่ดีอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อถลำลึกลงไปมากขึ้น ริจะตั้งตัวเป็นโต๊ะเอง พวกเขาก็พบว่าโลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่มีสีสัน แต่เป็นโลกด้านมืด ที่เมื่อถึงตอนท้าย พวกเขาก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากโลกใบนี้ให้ได้ ซึ่งทำให้หนังไม่ใช่แค่งานดรามา-อาชญากรรม แต่ยังเป็นงานก้าวพ้นวัย เมื่อตัวละครได้พบประสบการณ์ใหม่ในชีิวิต ที่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น
และในหนังของสองผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤกและวทัญญู อิงควิวัฒน์ ตัวละครที่เป็นเจ้าของมุมมองในเรื่อง เป็นตัวละครที่เป็นศูนย์กลางก็คือ ยู เด็กหนุ่มที่เคยสนุกกับเกม ที่การมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมดิอัปแรงก์ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป และไม่สามารถสนุกกับเกมในมือได้อย่างที่เคยเป็นอีกแล้วในท้ายที่สุด ขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ก็พบกับการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะในแง่ของความสัมพันธ์ ที่จากเพื่อนกลายเป็นคนเคยรู้จัก จากคนรักกลายเป็นเพียงคนที่เคยคบหา
ที่การเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นกับพวกเขาล้วนเป็นไปอย่างมีเหตุ มีผลรองรับ และเป็นขั้นเป็นตอนตามสิ่งที่เข้ามากระทบ ขณะที่ปูมหลังของพวกเขา นอกจากยูแล้ว คนอื่น ๆ อาจจะดูบางเบาไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับขาดหาย เมื่อแต่ละคนต่างมีปม มีปัญหาบางอย่างในตัว อย่าง โฮมก็มีปัญหาเรื่องบ้าน ที่ทำให้ต้องเร่งหาเงินมาจัดการ และทำให้ตัดสินใจโดยบุ่มบ่ามอย่างที่เห็น ซึ่งกลายเป็นจุดที่ทำให้ทีมมีปัญหาตามมา ทอยเองก็มีเรื่องฉาวเป็นชนักติดตัวจากอดีต ซึ่งดูไปแล้วพีทอาจจะเป็นคนที่มี “อะไร” ในตัวน้อยกว่าคนอื่น ๆ แต่กับความเป็นไปของเขา ความเป็นมาที่หนังบอกเอาไว้ก็น่าจะเพียงพอ
ที่น่าสนใจก็คือ ชื่อของตัวละคร ที่เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์บางอย่างกลาย ๆ โฮม เป็นเด็กหนุ่มที่มีเรื่องทางบ้าน ทอยก็ไม่ต่างไปของเล่นในมุมมองของคนในเน็ต หรือกระทั่งจากพีทเอง ส่วนพีทที่มาของชื่อก็อาจจะมาจาก Compete ที่หมายถึงการแข่งขัน ที่บ่งบอกตัวตนของเขาว่าเป็นนักกีฬาอี-สปอร์ตระดับโปรเพลเยอร์
นักแสดงแต่ละคนต่างก็สวมบทบาทได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะกฤตย์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มที่ดูใส ๆ กลายเป็นคนที่อมทุกข์ เก็บความคิดมากมายเอาไว้ข้างใน ภูมิภัทรทำให้โฮมดูไม่ต่างไปจากเด็กบ้านรวย ที่ชีวิตโดนสปอยล์มาตลอด จนคิดทำทุกอย่างแบบเอาแต่ใจ และนึกถึงแต่ตัวเอง มากกว่าจะมองสถานการณ์รอบข้างที่เกิดขึ้น สุดารัตน์ก็ขึ้นจอได้อย่างมีเสน่ห์ และทำให้เชื่อได้ว่าเธอจะกลายเป็นมูลเหตุบางอย่างของความขัดแย้งในกลุ่มได้ รวมถึงการเป็นสาวที่มีความฝัน ส่วนกิตติศักดิ์เองก็เป็นนักกีฬาอี-สปอร์ตได้อย่างที่บทต้องการให้เป็น เช่นเดียวกันเป็นชายหนุ่มที่ยังสนุกกับชีวิตแบบไม่คิดอะไรเยอะ และที่สำคัญที่สุด ทั้งสี่คน รวมไปถึงเด็กที่เข้ามาร่วมทีม ต่างก็ดูเป็นคน “เล่น” เกมจริง ๆ
หากจะมีที่หลุด ๆ ไปบ้างก็คือ คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ หรือเฟิต Slot Machine ที่ดูเด็กไปนิดกับการเป็นเจ้าพ่อ หากอย่างน้อยมาดและการแสดงออกก็ทำให้ตัวละครรายนี้มีความน่าเกรงขามมากพอที่จะให้ผู้ชมรู้สึกหวั่น ๆ ว่าโฮมกับเพื่อน ๆ จะเจออะไรจากชายคนนี้บ้าง
ขณะที่การกลับมารับเล่นหนังอีกครั้งในรอบหลายปีของสัญญา คุณากร ในบทพ่อของยู ผลลัพธ์คือ ไม่มีีอะไรให้ติ กับการเป็นพ่อที่ต้องอยู่กับลูกที่ดูไม่มีอนาคต แลไม่ใส่ใจอะไรกับชีวิต
หนังไม่ได้มีแค่เรื่องของโลกด้านมืดในแวดวงของเกม การเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตหรือมุมมองชีวิตเปลี่ยน แต่ยังมีเรื่องของรักสามเส้า เรื่องของชีวิตซึ่งไม่มีความฝันและเป้าหมาย ที่ทำให้ตัวเองเพริดไปกับบางสิ่งบางอย่างได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดถูกสอดแทรกเข้ามาในเรื่องหลักได้อย่างกลมกลืน และเล่าออกมาได้สนุกในแบบงานดรามา-อาชญากรรม มีการวางแผนล่อหลอกกันและกัน มีสถานการณ์ให้ได้ลุ้น ที่แม้จะคาดเดาถึงบทสรุปได้ไม่ยาก หากก็สนุกไปด้วยได้ แต่ในบางช่วงของหนัง ก็มีช่วงเวลาที่หนืด ๆ อยู่บ้าง หากก็ไม่ได้มากมาย
การนำเสนอมีสไตล์ ทั้งงานด้านภาพ มุมกล้อง การตัดต่อ ทั้งดนตรีประกอบ แต่ด้วยความรู้สึกส่วนตัว เมื่อมองไปถึงงานอย่าง ‘Goal Club… เกมล้มโต๊ะ’ หรือหนังเกี่ยวกับเกมเรื่องก่อนหน้า ‘Mother Gamer… เกมเมอร์ เกมแม่’ อาจจะนิ่งไปหน่อย เห็นได้จากการตัดต่อในบางช่วงที่น่าจะบีบความรู้สึก หรือกระฉับกระเฉงกว่านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังดูหนืด ๆ อย่างที่ว่าเอาไว้ก่อนหน้า แต่อย่างน้อยหนังก็ไม่ได้ออกมาแห้งแล้งอารมณ์ รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ตัวละครรู้สึก และทำให้หนังจบลงในแบบที่ได้รับรู้ถึงความร้าวรานของพีทและโฮม ความสุขของทอย และการเสียสละของยู ที่ต้องแลกด้วยสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา และความฝันแรกของตัวเองจริง ๆ จัง ๆ ในแบบที่ยากจะได้คืนมาอีกแล้ว
แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้เขาได้กลับมาสู่ความเป็นจริงในชีวิต ได้รู้ว่าชีวิตมีบางสิ่งที่ตัวเองต้องให้ความสนใจมากกว่าอะไรก็ตามที่เขาเคยขลุกอยู่กับมัน
แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ท้ายที่สุดความผิดที่ทำลงไป มันก็ให้ผลตอบแทนเช่นกัน
นพปฎล พลศิลป์
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่