แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ทำหนังเดือดๆ อย่าง Desperado, From Dusk Till Dawn หรือ Planet Horror, Machete ทั้งสองภาค แต่ในอีกด้านหนึ่งของโรเบิร์ต ร็อดริเกวซ ก็คือ ผู้กำกับที่หนังแอ็คชันสำหรับครอบครัว ที่ไม่ขี้เหร่เลย อย่าง Spy Kids ที่มีให้ดูกันถึงสี่ภาค
หลังไปทำ Alita: Battle Angel ให้กับเจมส์ คาเมรอน และ Red 11 ให้กับทูบี บริการสตรีมิงแบบมีโฆษณาของฟ็อกซ์ ร็อดริเกวซก็กลับมาทำงานเพื่อความบันเทิงในครอบครัวอีกครั้ง ที่ดูแล้วหากให้นิยามตามการทำภาพยนตร์สักเรื่องที่ไม่ได้เป็นงาน ต้นฉบับ หรือ Original ในยุคปัจจุบัน หนังเรื่องนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นทั้ง งานภาคต่อ, ตอนแยก หรือว่ารีบูทได้หมด เพราะเนื้อหานั้นมีความเกี่ยวพันกับหนังครอบครัวในอดีตของร็อดริเกวซ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl in 3-D เมื่อปี 2005 แต่ตัวละครหลักไม่ใช่ตัวละครชาร์คบอยและลาวาเกิร์ล ที่ก็มีบทบาทในเรื่องด้วย และตัวหนังเองก็พร้อมจะเป็นต้นทางให้มีการสานต่อไปอีก
เรื่องราวของ We Can Be Heroes เป็นเรื่องของมิสซี โมเรโน (ยายา กอสเซลิน) ลูกสาวของมาร์คัส โมเรโน (เปโดน พาสคาล ที่เพิ่งเป็นตัวร้ายใน Wonder Woman 1984 นั่นแหละ) สมาชิกในทีมพิทักษ์โลกในแบบอเวนเจอร์ (แต่ดูบ้านๆ มากกว่า) ที่เรียกตัวเองว่าทีม ฮีโรอิคส์ ซึ่งมาร์คัสให้สัญญากับลูกสาวเอาไว้ว่า จะไม่ออกปฏิบัติงานภาคสนามอีก หลังจากแม่จากไป
แต่เมื่อโลกถูกมนุษย์ต่างดาวบุก มาร์คัสจึงต้องออกปฏิบัติการอีกครั้ง ร่วมกับทีมฮีโรอิคส์ ก่อนที่จะโดนพวกมันจับตัวไป ส่วนมิสซีกับลูกของบรรดาซูเปอร์ฮีโรคนอื่นๆ ที่ต่างก็มีพลังพิเศษแตกต่างกันไป ซึ่งถูกพาไปอยู่ในฐานบัญชาการของทีมฮีโรอิคส์ หลังมิสซีพบว่า ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอย่างที่พ่อของเธอและ และ มิสส์ เกรนาดา (พรีย์แองกา โชปรา โจนาส) หัวหน้าใหญ่ของฮีโรอิคส์คิด มิสซีพาเพื่อนใหม่ ที่มีทั้งถูกชะตาและไม่ถูกชะตาไปหาคุณย่า แอนิตา (อาเดรียนา บาร์ราซา) อดีตครูฝึกของพวกฮีโรอิคส์ ที่ตัดสินใจสอนการใช้พลังความสามารถต่างๆ ให้กับเด็กๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยพ่อๆ แม่ๆ จากมนุษย์ต่างดาว และปกป้องโลก
ที่จะว่าไปแล้ว หนังก็เหมือนกับเป็นอเวนเจอร์ภาคเยาวชน แล้วก็เป็นงานทุนต่ำกว่ามาก เพียงแต่มีหนังตอนแยกออกมาเพียงเรื่องเดียวก็คือ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl เพราะเมื่อดูจากตัวละครเด็กๆ กับพ่อแม่ของพวกเขาแล้ว แต่ละรายก็น่าจะแตกหน่อต่อยอดออกไป มีงานของตัวเองได้เหมือนกัน จากความสามารถและปูมหลังที่แตกต่างกัน
อย่าง มิสซี แม้จะไม่มีพลังพิเศษโดดเด่น แต่เธอก็มีความเป็นผู้นำในตัวสูง ส่วนพ่อก็เป็นนักดาบฝีมือดี, โอโฮ (ฮาลา ฟินลีย์) หลานของเกรนาดา ก็มองเห็นอนาคตแล้ววาดออกมาเป็นภาพ, สโล-โม (ดีแลน เฮนรี เลา) ที่เคลื่อนไหวร่างกายในแบบสโลว์โมชัน ก็คือลูกชายของซูเปอร์ฮีโรที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว (ซุน กัง), ไวลด์ คาร์ด แม้จะมีพลังพิเศษหลากหลาย แต่ยังควบคุมได้ไม่ดีนัก เป็นลูกชายเทคโน (คริสเตียน สเลเตอร์) ผู้สร้างอุปกรณ์ทันสมัย, นูเดิล (ลีออน แดเนียลส์) เจ้าของความสามารถในการยืดร่างกาย ลูกชายสาวล่องหน (เจมี เพเรซ), วีล (แอนดี วอลเคน) เด็กชายที่ต้องนั่งรถเข็นแต่ฉลาดเป็นกรด เป็นลูกของ มนุษย์มหัศจรรย์ (บอยด์ ฮอลบรูค), อะ แคพเพลา (โลตัส บลอสซอม) ลูกสาวมิสส์ ว็อกซ์ (เฮลีย์ ไรน์ฮาร์ต) ก็มีความสามารถเรื่องเสียงเหมือนแม่, กัปปี (วิเวียน แบลร์) เด็กหญิงที่มีพลังมหาศาล ลูกสาวของชาร์คบอย (เจเจ แดชนาว์ มาเล่นแทนเทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) กับ ลาวาเกิร์ล (เทย์เลอร์ ดูลีย์ ที่กลับมารับบทเดิม), รีไวนด์ (อิไซอาห์ รัสเซลล์) เด็กชายเจ้าของความสามารถย้อนเวลาได้ กับพี่สาว – ฟาสท์ ฟอร์เวิร์ด (อะกิระ อัคบาร์) เด็กหญิงเจ้าของความสามารถเร่งเวลา ที่เป็นลูกของ คริมสัน ลีเจนด์ และเรด ไลท์นิง ฟิวรี (เจ. ควินตัน จอห์นสัน กับ บริททานี เพอร์รี-รัสเซลล์ ตามลำดับ) และเฟซเมเคอร์ (แอนดรูว์ ดิอาซ) เด็กชายที่ปลอมแปลงหน้าตาได้ ลูกชายของซูเปอร์ฮีโร – แครชิง โลว์ (เบรนท์ลี เฮลบรอน)
หนังให้ตัวละครเด็กๆ เป็นศูนย์กลาง สนุกไปกับการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของพวกเขา ในการจัดการกับเหล่าร้าย ที่บางอย่างเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ บางอย่างก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไปได้ โดยเฉพาะพี่น้องย้อนหลังกับเดินหน้า
ตัวผู้ใหญ่เป็นแค่ตัวประกอบฉาก แล้วในเวลาเดียวกัน ตัวละครเด็กๆ ก็เป็นเหมือนภาพที่แสดงให้เห็นความบกพร่องของเหล่าผู้ใหญ่ ที่ต่างคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานร่วมกันเป็นทีม ผิดจากบรรดาซูเปอร์ฮีโรรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ชอบแย่งซีน ชิงดีชิงเด่นกัน เห็นกล้องปุ้บ โพสท่าปั้บ
มีหักมุมเล็กๆ ในตอนท้ายที่เล่นเอาเซอร์ไพรส์พอประมาณ ขณะที่ตัวหนังก็มาในบรรยากาศแบบหนังเกรด บี ตามสไตล์หรือว่าลายเซ็นของร็อดริเกวซ ซึ่งด้วยการเล่าเรื่อง แนวทาง และโทนของหนัง We Can Be Heroes น่าจะเป็นความบันเทิงสำหรับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อจนเกินไปสำหรับใครที่สูงวัยไปแล้วสำหรับการเป็นกลุ่มเป้าหมายของหนัง
[WE CAN BE HEROES ดูได้ที่ เน็ตฟลิกซ์]
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1320 ปักษ์หลัง มกราคม 2564
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่