
เมื่อรถตำรวจและอาวุธหายไปพร้อมเจ้าหน้าที่ 5 คน ในห้วงที่ผบ.ตำรวจอยู่ต่างประเทศ และกำลังจะเกษียณอีกไม่นาน รองผบ.ฝ่ายปฏิบัติการชิงคว้าธง เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการพิเศษครั้งนี้ ซึ่งก็คือคนที่กุมชะตาความมั่นคงของฮ่องกงทั้งเกาะ
แต่เพราะหนึ่งในเจ้าหน้าที่เป็นลูกชายรองผบ.ฝ่ายปฏิบัติการ ที่ทำงานราวกับใช้อารมณ์นำ รองผบ.ฝ่ายบริหารตัดสินใจหักหน้าดึงการทำงานมาอยู่ในมือ ตามระเบียบที่สามารถทำได้ ในช่วงเวลาที่คนร้ายยื่นกำหนดไถ่ตัวเจ้าหน้าที่มาพอดี แต่เมื่อเงินถูกส่งออกไป กลับเป็นว่าการต่อรองต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่เป็นอย่างที่คิด และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็ทำให้รอง.ผบฝ่ายบริหาร กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีคอรัปชั่น ขณะที่การพิจารณาคนขึ้นรับตำแหน่งผบ.ตำรวจคนใหม่ก็ใกล้เข้ามาถึง
Cold War เป็นงานที่เข้มข้น เล่าเรื่องได้สนุก ดูจริงจัง ฉับไว หนักแน่น ลุ้นระทึก ตื่นเต้นทุกนาที ทั้งๆ ที่มีฉากแอ็คชั่นให้ได้ชมกันเพียงไม่กี่ฉาก แม้จริงๆ แล้ว เรื่องที่ดูแน่น ก็มีรอยโหว่ในเรื่องความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ ความสมเหตุ สมผล การสอดรับกันของสถานการณ์มากมาย แต่กว่าคนดูจะคิด หรือมองเห็น ก็คือเมื่อสาวเท้าเดินออกจากโรงเรียบร้อย
อีกอย่างที่หนังขาด ก็คือความเข้มข้นในส่วนดราม่า ทั้งที่มีโอกาสเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ในหลายๆ ครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับหนังที่ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นมากขึ้น แต่ก็เป็นได้ที่ผู้กำกับ-เขียนบทของหนัง เลือกจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียว
ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกับบทที่วางปมไว้ได้น่าติดตาม สร้างเงื่อนไข จุดพลิกผันต่างๆ เป็นระยะๆ ทำให้คนดูจดจ่อกับสถานการณ์ที่ดำเนินไป แบบไม่วางตา กระทั่งตอนที่ End Credit กำลังจะขึ้นหนังก็ยังดริฟท์กลับมาให้คนดูเดินออกจากโรงพร้อมกับวางปมทิ้งไว้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในแบบที่ทำให้สมองมึนตึ๊บ หากแต่ทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวละครบางคน
ตำหนิบางรอยที่เกิดขึ้น ทำให้หนังไม่ถึงกับเหนือชั้นแบบ Infernal Affairs แต่หากมองว่าหนังเลือกที่จะสร้างความบันเทิง ในความเป็นหนังแอ็คชั่น หักเหลี่ยม ระทึก ตื่นเต้น แบบไม่ต้องสนเส้นทางสายอื่น Cold War พาตัวเองเดินมาถูกทาง ทำได้อย่างที่ต้องการ และมีความชัดเจนในตัวเอง
เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูลุ้นกันจนเหงื่อเหนียว ก็ว่าได้
โดย นพปฎล พลศิลป์ จากคอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1125 ปักษ์แรก 1 ธันวาคม 2555