Music ReviewREVIEW

ฟังไปแล้ว – IT’S GONNA BE OK งานของ Tilly Birds ที่เป็นมากกว่า ‘It’s Gonna Be OK’ แน่นอน

IT’S GONNA BE OK/ Tilly Birds
(ยีน แล็บ/ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี)

เป็นวงดนตรีรุ่นใหม่อีกราย ที่ออกตัวได้สวยงาม เริ่มจากการสร้างเนื้อสร้างตัวในฐานะวงอินดี มีอีพีออกมาให้ฟังในปี 2561แล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายเพลงยีน แล็บในชายคาจีเอ็มเอ็ม แกรมมี ก่อนจะมี ‘ผู้เดียว’ เป็นอัลบัมชุดแรก มี “คิด (แต่ไม่ถึง)” เป็นเพลงฮิต

แน่นอนว่า ทิลลี เบิร์ดส์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ เนื้องานที่อยู่ใน ‘ผู้เดียว’ มีทั้งลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น มีทั้งไอเดีย ทั้งชั้นเชิงที่เคี่ยวข้น จนไม่น่าเชื่อว่า นี่คืออัลบัมชุดแรก โดยเฉพาะใน “ฉันมันเป็นใคร (Who I Am)” ซิงเกิลสุดท้ายของอัลบัม งานบลูส์ที่ฟังโมเดิร์น และเปรียบได้กับเพลงโชว์ของทิลลีเบิร์ดส์เลยก็ว่าได้

ปลายปี 2564 ทิลลีเบิร์ดส์ ปล่อย ‘It’s Gonna Be OK’ อัลบัมชุดที่สองออกมา

ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้จำนวนเลขอัลบัมในเครดิตมีมากขึ้น ความสำเร็จของพวกเขาเพิ่มพูนเท่านั้น แต่จากสัมผัสแรก ๆ ของการฟัง ‘It’s Gonna Be OK’ เป็นงานที่ยากจะไม่โอเค


ตัวดนตรีฟังสนุก จัดจ้าน มีชั้นเชิงมากขึ้น ว่ากันตั้งแต่เพลงเปิดหัวอัลบัม “เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน (Just Being Friend) feat. Milli” ที่แข็งแรงมาก ๆ ทั้งในความเป็นงานซิงเกิล ที่เรียกแขกได้เป็นอย่างดี ทั้งในความเป็นงานที่ดึงให้ติดหนึบอยู่กับอัลบัม

ไม่ว่าจะเป็นบีทดนตรีแน่น ๆ จังหวะจะโคนที่ชวนขยับตัวในแบบเพลงเต้นรำ ท่อนแร็ปของมิลลิก็เข้ามาถูกที่ถูกทาง ชื่อเพลงไม่ใช่เพียงชวนหู แต่เนื้อหาก็เล่นกับคำว่า “เพื่อนเล่น” ที่นำมาผูกเรื่องผูกราวได้สนุก เมโลดีแบบพ็อปติดหู ติดใจได้ไม่ยาก เนื้องานก็ฟังละเมียด ละเอียด กว่าที่เคยได้ยินในอัลบัมชุดแรก

หากที่มีเสน่ห์เป็นพิเศษก็คือ ซาวนด์ของงาน ฟังเท่ มีสัมผัสที่ทันสมัย ซึ่งบรรดาเพลงต่อ ๆ มาก็ไม่ผิดแผกกัน รวมถึงอยู่ในทิศทางที่ไม่แตกต่าง ขณะที่การวางเพลงที่อารมณ์ดนตรีรับ-ส่งกันได้กลมกลืนจาก 1-2-3-4 ไปได้เรื่อย ๆ ‘It’s Gonna Be OK’ ก็คืองานอีกชุดหนึ่ง ที่เปิดฟังรวดเดียวยกชุดได้ ไม่มีสะดุดในเรื่องอารมณ์ ที่จะว่าไปแล้ว เนียน และลื่นไหลกว่างานชุดก่อนหน้าด้วยซ้ำ

การที่มีเพลงน้อยลงเหลือแค่ 8 เพลง อาจจะดูว่าทำให้จัดวางได้ง่ายกว่า แต่ก็นะ… ถ้าพื้นฐานหรือโครงสร้าง องค์ประกอบของเพลงมันไม่ได้ ต่อให้เหลือแค่ 3 เพลง มันก็พังอยู่ดี

จากเพลงแรกถึงเพลงสุดท้ายใน ‘It’s Gonna Be OK’ ทุกเพลงพูดเรื่องความรัก ในแง่มุม และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจไม่ถึงกับให้ความรู้สึกได้ในแบบเดียวกับดนตรี แต่ทิลลีเบิร์ดส์ ก็ใช้การเปรียบเทียบ หรือการผูกเรื่องราว ช่วยให้หลุดจากวังวนเดิม ๆ และน่าสนใจได้ แล้วนอกจากเรื่องของอารมณ์ดนตรีที่สานต่อส่งให้ได้ราบรื่นแล้ว เนื้อหา ในบางเพลง บางช่วง ก็มีความต่อเนื่องรับ-ส่งด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามที่ หากก็ทำให้ ‘It’s Gonna Be OK’ มีความเป็นคอนเซ็ปต์อัลบัมกลาย ๆ


จากการเล่นกับคำใน “เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน (Just Being Friend) feat. Milli” พวกเขาพาไปพบกับความรักที่เหมือนกับการไล่ตามใครบางคนใน “ลู่วิ่ง (Can’t Keep Up)” ที่ด้วยมุมมองของเพลง ก็มีงาน อย่าง “เบื่อ คนขี้เบื่อ (I’m Not Boring, You Just Bored)” เป็นอีกด้านของความรู้สึก ที่ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกัน แล้วก็ไม่ยากเลยที่ตัวละครในสองเพลงนี้ จะรู้สึกเหมือน ๆ ชายหนุ่มใน “เดอะ แบก (Baggage)” ที่กำลังพบกับความหนักหนาสาหัสในการพยายามประคองความรัก เพราะมาถึงจุดที่ ‘ต้อง’ ทน มากกว่าแค่ใช้ความอดทน และชายหนุ่มอีกคนใน “ติดตรงที่ฉัน (It’s Not You, It’s Me)” ก็ไม่ต่างไปจากคนที่แบกความผิดหวังมามากมาย จนไม่พร้อมหรือไม่อยากที่จะมีความรักครั้งใหม่ เมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามาในชีวิต


“ขอให้เธอโชคดี (Send You Off)” ที่แค่ชื่อเพลง (ภาษาไทย) อาจจะคิดว่า ก็เป็นเพลงอำลาจากกันด้วยดีอีกเพลงหนึ่ง แต่กับชื่อภาษาอังกฤษ กับดนตรีที่มีชีวิตชีวาเหลือเกิน เพลงที่น่าจะไม่ได้มีความพิเศษมากมายนัก กลายเป็นเพลงที่มีนัยเสียดสี แสบ ๆ คัน ๆ ขึ้นมาทันที

ทิลลี เบิร์ดส์ จบ ‘It’s Gonna Be OK” ด้วยสองเพลงช้า “เธอไม่ได้อยู่คนเดียว (On My Shoulder)” และ “ถ้าเราเจอกันอีก (Until Than)”


เพลงแรก เป็นบทเพลงปลอบใจ บอกใครสักคนที่กำลังเหนื่อยล้า ที่ด้วยภาษา และวิธีนำเสนอ ทำให้รู้สึกแตกต่าง ทั้งจากการจัดวางให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันของชีวิต ทั้งภาษาง่าย ๆ ที่ให้ความรู้สึกจริงใจ และดนตรีที่เหมือนกับไฟที่ค่อย ๆ ให้ความสว่างมากขึ้น จากจุดเริ่มต้นที่ดูเลือนราง และสว่างไสวกว่าเดิมอย่างช้า ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ที่ด้วยการเป็นคนที่ไม่ใช่ของเจ้าของไหล่ในเพลงนี้ ท้ายที่สุดนอกจากใครบางคนอาจมีกำลังใจให้ไปต่อได้ ใครอีกคนก็น่าจะมีความหวังในชีวิตมากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

และความหวัง ก็คือสิ่งที่ยังส่องแสงอยู่ในความรู้สึกของอีกคนหนึ่ง ในอีกเพลงที่พูดถึงความทรงจำเก่า ๆ ยังไม่เลือนหายไปไหน ซึ่งถูกบอกเล่าออกมาด้วยดนตรีที่มีกลิ่นไอของงานบัลลาดร็อกจากยุค ‘80s ที่กลายเป็นเพลงปิดท้ายอัลบัมได้อย่างสวยงาม จากการเรียบเรียง และอารมณ์ของเพลง


แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวความรักที่ผิดหวัง หากด้วยซาวนด์ของงาน และการเรียบเรียง เลือกใช้ดนตรีในแต่ละเพลง ทำให้อารมณ์ของอัลบัม มีกลุ่มก้อนเดียวกัน เป็นความรู้สึกในแบบ ‘It’s Gonna Be OK’ คือ รับได้ ทนไหว และยังไปต่อ มีลมหายใจ ใช้ชีวิตได้อยู่ แม้จะไม่ได้สุขสักเท่าไหร่ ส่วนตัวอัลบัมก็เป็นงานที่มีคอนเซ็ปต์ มีเรื่องราว มีอารมณ์ชัดเจน

ที่ในแง่ของผลลัพธ์ที่ออกมา งานชุดนี้เป็นงานที่มากกว่า ‘It’s Gonna Be OK’ แน่นอน

นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 33 ฉบับที่ 4

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.