Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว – DON’T LOOK UP อย่ามองบน จงมองคนข้างล่าง และมองคนข้าง ๆ ด้วยก็ดี

ตั้งแต่ ‘The Big Short’ เป็นต้นมา คงยากเหมือนกันหากจะคิดถึงผลงานการกำกับของอดัม แม็กเคย์ ก่อนหน้านั้นว่า เป็นงาน อย่าง หนังชุด ‘Anchorman’, ‘Talladega Nights: The Ballad of Ricky Bobby’ หรือว่า ‘The Other Guys’ เพราะแม้จะยังมีความเป็นงานเบาสมอง มีอารมณ์ขันแบบงานเสียดสี ล้อเลียน แต่เรื่องที่นำเสนอ ประเด็นที่ต้องการบอก ซีเรียส และจริงจัง จนกลายเป็นงานจิกกัดสังคม และผู้คนได้แสบ ๆ คัน ๆ โดยมีน้ำหนัก และชัดเจนในเรื่องทีจริง มากกว่าทีเล่น

‘Don’t Look Up’ ก็เช่นกัน จากงานที่มีมาจากเรื่องจริงสองเรื่องก่อน แม็กเคย์เอาเรื่องที่เขาแต่งกับ เดวิด ซิโรทา มาขึ้นจอ โดยเขารับหน้าที่เขียนบทอีกหน้าที่ หากมองว่า งานอย่าง ‘The Big Short’ และ ‘Vice’ ไม่ว่าจะแปะที่มาของหนังอย่างไร Based on True Story. Inspired by True Events (ทั้งสองเรื่องใช้ This is a True Story กับ The Untold True Story That Change The Course of History ตามลำดับ) แม็กเคย์ยังนำเสนอได้มันส์ และแสบสันต์ขนาดนั้นแล้ว กับเรื่องแต่งแบบล้วน ๆ 100% มันจะจัดจ้านประมาณไหน

หนังเริ่มเรื่องด้วยการค้นพบ ดาวหาง ดวงใหม่ ของเคต ไดบิแอสกี ว่าที่ดร. คนใหม่ของคณะดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่เมื่อเธอแจ้งให้อาจารย์ของเธอ ศจ. แรนดัลล์ มินดี รับรู้ และคำนวณวงโคจร เรื่องดี ๆ จากการพบดาวหางที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็กลายเป็นเรื่องร้าย เมื่อมันจะพุ่งเข้าชนโลกในเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เรื่องถูกส่งไปยัง ดร. เท็ดดี โอเกิลธอร์ป หัวหน้าหน่วยสำนักงานความร่วมมือเพื่อปกป้องดาวเคราะห์ (Planetary Defense Coordination Office) ที่ตัดสินใจพาแรนดอลล์กับไดบิแอสกีเข้าพบประธานาธิบดี จานีน ออร์ลีน เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญนี้ โดยมีการยืนยันถึงวงโคจรของดาวหางจากนาซา เป็นแรงสนับสนุนอีกแรง

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการเป็นงานเสียดสี จิกกัด ที่แสบสันต์ ที่มองในอีกมุมหนึ่งก็คือการด่าทอแบบซึ่งหน้า โดยไม่มีเม้ม

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสนใจที่มีต่อดาวหางดวงนี้ของท่านประธานาธิบดี ที่เป็นเรื่องโคตรจิ้บจ้อยในสายตาของพณฯ ท่าน เมื่อเรื่องใหญ่กว่านั้นเป็นเรื่องของความนิยม ที่จะนำมาซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง โดยทั้งแรนดอลล์, ไดบิแอสกี และอิงเกิลธอร์ปถูกเลื่อนนัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะได้พบในเวลาเพียงน้อยนิด แถมสิ่งที่พวกเขานำมาบอกยังถูกมองเป็นเรื่องตลก

ขณะที่โครงสร้างการทำงานของทำเนียบขาว ก็เป็นเรื่องของเหล่าคนกันเอง ประธานาธิบดีให้ลูกชาย – เจสัน เป็นพ่อบ้านหรือหัวหน้าทีมงานของทำเนียบขาว บรรดาที่ปรึกษาใกล้ ๆ ตัวก็คือพวกที่บริจาคให้กับพรรค (หรือประธานาธิบดี) ในลำดับต้น ๆ โดยที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องงานแต่อย่างใด

หากจะคิดว่า หนังกำลัง ‘เล่น’ ฝ่ายการเมืองอยู่ฝ่ายเดียว…

เมื่อทั้งสามคนที่รู้ซึ้งถึงอันตรายของดาวหางดวงนี้ ที่เมื่อพุ่งเข้าชนโลกแล้ว จะทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ยิ่งกว่าครั้งไดโนเสาร์ล้มหายตายจาก เอาเรื่องไปเล่นผ่านสื่อ

สื่อสารมวลชนก็โดนกรีดหนัก ๆ ไม่แพ้กัน เมื่อพลาดตั้งแต่การเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นรายการ ‘เล่า’ ข่าวที่พยายามทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่อง ‘เบา ๆ‘ มองด้วยอารมณ์แบบฟีลกูด ให้ความสำคัญกับเรตติงมากกว่าความจำเป็นเร่งด่วน ถึงกับเทเวลากับเรื่องสัพเพเหระ ดาราเลิกกัน มากกว่าเรื่องดาวหางพุ่งชนโลก ที่จะทำให้ทุกคน “ตายห่-” กันหมด

แม็กเคย์ยังเดินหน้าจิกกัด (แกมด่าทอ) อย่างสนุกสนาน โดยยกระดับความรุนแรง ตามระยะเวลาที่ดาวหางจะพุ่งชนโลกซึ่งเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ที่ล้วนแสดงให้เห็นสันดานของผู้คนที่เกี่ยวข้อง นักการเมืองที่สนใจเรื่องคะแนนนิยมเป็นหลัก และหยิบจับเรื่องนี้ขึ้นมาเล่นในที่สุดไม่ใช่เพราะเป็นห่วง ‘โลก’ แต่เพราะเพื่อปิดข่าวฉาวที่จะทำลายคะแนนนิยมของตัวเอง ขณะที่การหาทางจัดการกับดาวหาง ก็เน้นผลประโยชน์ของตัวเองและคนเกี่ยวข้องเป็นหลัก และสร้างเรื่องในเชิงบวกที่ทำให้ผู้คนเห็นด้วยกับการตัดสินใจ เมื่อเลือกใช้วิธีการของผู้สนับสนับหลักของพรรค (หรือประธานาธิบดี) แทนที่จะจัดการให้จบไป โดยอ้างว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีการพิสูจน์ ตรวจสอบ อย่างชัดเจนแบบ 100% ว่าเป็นสิ่งที่ ‘สามารถ’ ทำได้

ตัวของแรนดัลล์ หรือไดบิแอสกี ก็ใช่ว่าจะถูกแม็กเคย์ชูให้เป็นฮีโร ทั้งคู่ถูกนำเสนอให้เห็นในด้านลบด้วยเช่นกัน คนหนึ่งหลงไปกับชื่อเสียง, ความฟุ้งเฟ้อ และคาวโลกีย์ จนแทบเสียผู้เสียคน และเสียครอบครัว ส่วนอีกคนด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ทำให้ถูกมองข้าม และกลายเป็นตัวตลกในที่สุด ซึ่งจะมองว่า แม็กเคย์เองก็มองถึงเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกันก็ได้ เมื่อต้องออกมาพูดถึงเรื่องคอขาดบาดตาย หรือสิ่งที่จำเป็นในชีวิต บุคลิกท่าทาง การแต่งกาย การแสดงออก ต้องสอดรับกับสิ่งที่นำเสนอ

หนังยังมีรายละเอียดยิบย่อย ที่แสดงให้เห็นถึงการจิกกัดที่เล่นไปถึงเส้นเลือดฝอย ทั้งเรื่องของการ ‘เหยียด’ สถาบัน เมื่อแรนดัลล์กับไดบิแอสกี ล้วนถูกตั้งคำถามกลาย ๆ “มหาวิทยาลัยมิชิแกนเหรอ” แถมการค้นคว้าของพวกเขาดูจะไม่ได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่ แต่พอเปลี่ยนเป็นผลจากสถาบันที่มีชื่อ ปฏิกริยาตอบรับก็กลับกลายเป็นอีกเรื่อง

ทั้งการเล่นกับตัวบุคคล ที่ตัวละครหลาย ๆ รายในหนัง เพียงแค่เห็นก็ทำให้นึกถึงใครบางคนในโลกแห่งความเป็นจริงได้ขึ้นมาในทันที ตลอดจนเรื่องของผู้คนในโซเชียลมีเดีย ที่สนุกกับการเป็นสิงห์คียบอร์ด เกรียนไอที มากกว่าจะลุกขึ้นมาข่วยแก้ปัญหาจริง ๆ จัง ๆ และจะว่าไปแล้วพวกเขาก็ทำให้เรื่องบางเรื่องถูกมองข้ามด้วยเช่นกัน อย่าง การสนุกกับ มีม (meme) ของไดบิแอสกี มากกว่าสิ่งที่เธอนำมาบอก

ด้วยความจริงใจในการจัดการกับปัญหาที่ ‘น้อย’ เกินไป คนที่ใส่ใจก็ไม่ได้มีพลังพอ เช่น ความพยายามของซุป’ตาร์สาว ก็ถูกข่าวคาวกลบ ทำได้ก็เพียงปลอบประโลมผู้คน ผู้ที่มีอำนาจก็ห่วงแต่สิ่งที่ตัวเองได้รับ และพยายามแสดงความ ‘กร่าง’ ของตัวเอง เมื่อมีประเทศที่แตกแถวไม่ยอมทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้ ก็เขี่ยออกไปจากกลุ่ม ที่ซ้อนทับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนพอดิบพอดี

ที่แย่ก็คือ แทนที่จะพยายามแก้ปัญหา กลับเลือกหาพรมมาปิดสิ่งเหม็นเน่า ผ่านการสร้างคำพูดสวย ๆ นโยบายเท่ ๆ เมื่อฝ่ายหนึ่งชี้ให้เห็นว่า ดาวหางกำลังจะมาถึง และอยู่ใกล้ขนาดที่ ‘เงยหน้า’ มองก็เห็น วิธีการที่ผู้นำประเทศเลือกใช้คือการรณรงค์ ‘อย่าเงยหน้า’ พร้อมชูประเด็นว่า หากทำลายดาวหางด้วยวิธีการของผู้สนับสนุนตัวเองรายใหญ่ ประชาชนจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยังไง งาน, รายได้, การประกอบอาชีพ มากลบ ทั้งที่หากเทียบกับสิ่งที่พวกเขาในฐานะผู้กำหนดนโยบายได้รับ มันน้อยกว่าอวัยวะมดด้วยซ้ำ ร้ายที่สุดก็คือ มันทำให้ผู้คนถูกแบ่งเป็นฝักฝ่าย ถูกเสี้ยมให้ต่อต้านกันและกันโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว

‘Don’t Look Up’ ไม่ได้แค่แหลมคมเรื่องมุมมอง ไม่ใช่แค่คมกริบในการเล่าเรื่อง ไม่มีแค่ความคมคายในประเด็นที่นำเสนอ แต่การแสดงของหนังที่เรียกได้ว่าเป็นงาน ‘รวมดาว’ ขนานแท้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีบทมากน้อยแค่ไหน ทุกคน ‘เอาตาย’ และขึ้นจอในแบบท็อปฟอร์มทุกคน บรรดาแนวหน้า อย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, เมอรีล สตรีป, ร็อบ มอร์แกน, โจนาห์ ฮิลล์ ต่างก็เล่นรับ-ส่งกันได้สนุก ขณะที่การวางลักษณะตัวละครก็สามารถแทนที่ผู้คนในกลุ่มต่าง ๆ ได้ดี และเล่นได้อย่าง จัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาร์ก ไรแลนซ์ ในบทผู้สนับสนุนคนสำคัญของประนานาธิบดี ที่เห็นปุ้บก็รู้ว่าใคร เคต แบลนเช็ตต์กับบทพิธีกรรายการเล่าข่าวเช้า ที่ไม่ได้ดูมีสาระอย่างที่รายการนำเสนอ กระทั่งทิโมธี ชาลาเมต์ กับบทเล็ก ๆ เด็กหนุ่มข้างถนนที่ไป ๆ มา ๆ ดูจะเข้าใจชีิวิต และยอมรับความเป็นไปได้มากกว่าผู้คนที่ชีวิตเต็มไปด้วยสิ่งพะรุงพะรังมากมาย

ในความเป็นงานเสียดสี จิกกัด ด่าทอ หรือตลกร้าย ‘Don’t Look Up’ เป็นหนังการเมืองในตัว ชนิดที่ไม่ต้องพยายามจับโยงให้วุ่นวาย เผิน ๆ หนังอาจจะเหมือนกำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นไปในสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่น่าสนใจหนังไม่ได้เล่นงานฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่ลาก ดึงมาตบกลางตลาดโดยถ้วนหน้า ต่างฝ่าย ต่างใช้ประโยชน์จากหนัง และถูกด่าจากหนังได้พอ ๆ กัน หากจะคิดเข้าข้างตัวเอง และเลือกจะใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม

ที่ไป ๆ มา ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในหนัง ก็กำลังเกิดขึ้นในแทบทุกประเทศยามนี้ก็ว่า การแบ่งฝักฝ่าย การพยายามกลบปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ไม่ว่าจะฝ่ายไหน การสร้างโวหารสวย ๆ มาทำให้ตัวเองดูดี จน ‘Don’t Look Up’ คือหนังหายนะของแท้ ซะยิ่งกว่าหนังหายนะของโรแลนด์ เอ็มเมอริช แม้จะนำเสนอแบบฉูดฉาด มีอารมณ์แบบการ์ตูนกลาย ๆ แต่ประเด็น และสิ่งที่นำเสนอ ‘จริง’ โคตร ๆ

จริงจนอยากจะบอกผู้นำทุกฝั่งฝ่ายว่า กรุณาอย่าเงยหน้า มองลงมาข้างล่างบ้าง และบอกเพื่อน ๆ มิตรสหายทั้งหลายในเวลาเดียวกัน อย่ามองบน พวกมึ-ควรมองคนข้าง ๆ คนข้างหน้า และข้างหลังด้วย เพราะเมื่อถึงเวลาซวย ๆ ในชีวิตก็มีแต่ไอ้พวกนี้แหละ ที่จะอยู่กับมึ-

ผู้กำกับ: อดัม แม็กเคย์ นักแสดง: ลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอ, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, ร็อบ มอร์แกน, โจนาห์ ฮิลล์, มาร์ก ไรแลนซ์, ไทเลอร์ เพอร์รี, ทิโมธี ชาลาเมต์, รอน เพิร์ลแมน, อะริอานา แกรนเด, สก็ตต์ เมสคูดี, เคต แบลนเช็ตต์, เมอรีล สตรีป

นพปฎล พลศิลป์ จากคอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสันปีที่ 33 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2565

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.