แม้ Rush จะไม่ใช่วงดังคับโลก สมาชิกแต่ละคนก็ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ แต่กับคอเพลงคุณภาพรวมไปถึงนักดนตรีทั้งหลาย ต่างก็ยกย่องทั้งงานเพลงที่สมาชิกทั้งสามคนของวงทำ ทั้งความสามารถที่ยากจะหาใครทาบของแต่ละคน หากวันนี้ รัชที่เคยประกอบด้วย เก็ดดี ลี, อเล็กซ์ ไลฟ์สัน และนีล เพิร์ท จะเหลือเพียงสอง เมื่อนีล เพิร์ท มือกลองที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในมือกลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นขุมพลังให้กับวงร็อคจากแคนาดามานานกว่า 4 ทศวรรษ ได้จากไปแล้วเมื่อ 7 มกราคมที่ผ่านมา ที่ซานตา โมนิกา, แคลิฟอร์เนีย ด้วยวัย 67 ปี จากโรคมะเร็งในสมอง
ตั้งแต่ร่วมงานกับรัชในปี 1974 เพิร์ทก็กลายเป็นจังหวะหัวใจของวงดนตรี ที่ยืนหยัดและเป็นที่รักมานานที่สุดวงหนึ่งของแวดวงดนตรีโพรเกรสสีฟ ร็อคมาตลอด แต่หากย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นในปี 1968 รัชเริ่มต้นด้วยการทำงานที่รับอิทธิพลจากดนตรีบลูส์ แล้ววิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ด้วยการหยิบยืมแนวทางดนตรีต่างๆ อาทิ เฮฟวี เมทัล, พังค์ มาสร้างสรรค์งานที่มีลักษณะเฉพาะ จนชนะใจแฟนเพลงที่กลายมาเป็นสาวกนับล้านๆ คน
แม้จะถูกเมินจากนักวิจารณ์และรางวัลใหญ่ๆ เมื่อรัชไม่เคยได้รางวัลแกรมมี แถมเพลงฮิตในชาร์ทท็อปโฟร์ตีก็น้อยนิด แต่พวกเขาก็มีแฟนเพลงที่ซื่อสัตย์ให้การติดตาม ผ่านการแสดงสดที่มีการใช้ไฟ, จอภาพ รวมถึงแสงสีได้อย่างน่าตื่นตา ตลอดจนการสร้างสรรค์ผลงานที่แสนบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากค้นหาในโลกของดนตรีร็อคแอนด์โรลล์ รวมทั้งไม่เคยใช้ชีวิตแบบสุดขั้วซึ่งทำลายศิลปินมานักต่อนัก นอกจากนี้พวกเขายังอยู่บนรากฐานเดิมๆ ที่เป็นวงทรีโอสามชีวิต ไลฟ์สันเล่นกีตาร์, ลีเล่นเบสและร้องนำ แล้วก็เล่นคีย์บอร์ดในบางครั้ง และเพิร์ทเป็นมือกลอง ทั้งสามได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนที่อยู่ที่ท่ามกลางนักดนตรีระดับเซียนทั้งหลายในยุคทองของดนตรีร็อค
“กระทั่งตอนเป็นเด็ก ผมก็ไม่เคยอยากดัง” เพิร์ทพูดไว้ในตอนให้สัมภาษณ์กับโทรอนโท สตาร์ “ผมอยากเป็นคนดี”
ในปี 2016 นิตยสารโรงลิง สโตนนิยามการตีกลองของเพิร์ทว่า “เป็นการรวมตัวกันอันน่าทึ่งของสมองและกล้ามเนื้อ” และให้เขาเป็นมือกลองร็อคอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค เป็นรองแค่จอห์น บอนแฮม (Led Zeppelin), คีธ มูน (The Who) และขวัญใจของเขา – จิงเจอร์ เบเคอร์ (Cream) ที่เพิ่งจากไปเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ในทุกคอนเสิร์ทของรัช จะต้องมีช่วงโซโลกลองอันยาวเหยียดของเพิร์ทให้ได้ชมกัน 1-2 ครั้ง ซึ่งเขาจะสร้างสรรค์สารพัดเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์จากสารพัดอุปกรณ์ของกลองชุดที่มีมากกว่า 30 ชิ้น “อุปกรณ์แต่ละชิ้นก็คืออุปกรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของเสียงในจานสี ที่ต้องนำมาดัดแปลง ผสมผสานกันตามที่เนื้องานต้องการ” เพิร์ทอธิบาย
“นีลคือที่สุดของมือกลองลมไปจนถึงมือกลองตัวจริงตลอดกาล” สจวร์ท โคปแลนด์ อดีตมือกลองของวง the Police กล่าว “นีลเป็นแรงผลักดันของวงที่มีความเป็นนักดนตรี มีไอเดียมากมาย อัดแน่นอยู่ในทุกๆ 8 บาร์ แต่เขาคือคนที่รักษาจังหวะ ซึ่งนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
ในช่วงเวลาของเพิร์ท รัชออกอัลบัมมากว่า 20 ชุด โดยมีถึง 14 ชุดที่ขายได้ในระดับแผ่นเสียงทองคำขาว และขายอัลบัมได้กว่า 40 ล้านก็อปปีทั่วโลก มีเพียง the Beatles และ Rolling Stones เท่านั้นที่ทำยอดขายในระดับแผ่นเสียงทองคำหรือทองคำขาวได้มากกว่าพวกเขาตามลำดับ
อัลบัมที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดของรัชคงเป็น Moving Pictures ที่ขึ้นถึงอันดับ 3 ในชาร์ทอัลบัมบิลล์บอร์ด 200 และขายได้เกือบๆ5 ล้านก็อปปีเมื่อครั้งที่ออกมาในปี 1981
“พอพังค์กับนิว เวฟมา” เพิร์ทเล่า “เรายังหนุ่มแน่นพอจะเอาดนตรีพวกนั้นมารวมกับดนตรีของพวกเรา มากกว่าจะแสดงปฏิกริยาโต้ตอบออกไป เหมือนที่นักดนตรีคนอื่นๆ พูดให้ผมได้ยินว่า ‘อะไรที่เราควรจะทำตอนนี้ล่ะ ลืมวิธีเล่นดนตรีไปเหรอ?’ เราเป็นแฟนของเพลงพวกนั้นมากพอที่จะบอกว่า ‘เออ.. เราอยากได้อะไรแบบนั้นแหละ’ และใน Moving Pictures เราก็จัดการซะ ด้วยการเรียนรู้ที่จะสร้างความซับซ้อนให้ออกมาเรียบง่าย และทำให้การเรียบเรียงขนาดมหึมากระชับได้ใจความ”
บรรดาเพลงของวงที่รู้จักกันดี อย่าง “Tom Sawyer” และ “Limelight” ซึ่งมาจากอัลบัม Moving Pictures หรือ “Fly by Night”, “Closer to the Heart”, “Time Stand Still” และ “The Spirit of Radio” ล้วนแต่งเนื้อร้องโดยเพิร์ท ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาเอาความรู้-ความสามารถที่มีเข้ามาใส่ทั้งในเสียงกลองและเรื่องราวของเพลง แล้วก็เป็นมือกลองอีกคนหนึ่งที่เข้าใจดีว่าจะใช้ฉาบจีนเพื่อเน้นสำเนียงดนตรีแบบเดียวกับงิ้วยังไงในดนตรีร็อค แต่ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมเสียงกลองแบบแอฟริกันและแจ๊ซซ์
ในฐานะนักแต่งเพลง เขาได้รับแรงบันดาลใจมากมายจากนิยายวิทยาศาสตร์, ตำนานปรำปราจากยุคคลาสสิคัล และวรรณกรรมที่เขาสนใจ อย่างชื่ออัลบัมของรัชในปี 1984 Grace Under Pressure ก็มาจากงานของเออร์เนสท์ แฮมมิงเวย์ และในอัลบัมก็มีเพลงหม่นๆ ที่ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ “Red Sector A”
เนื้อร้องบางเพลงที่เพิร์ทเขียนในยุค 1970s ยังสะท้อนให้เห็นถึงความคิดแบบเสรีนิยมของ อายน์ แรนด์ เจ้าของบทประพันธ์ที่เขาอ่านอย่างกระหายในตอนนั้น แต่ต่อมาเขาปฏิเสธความคิดเห็นเหล่านั้น นอกจากนี้ทนายของวงยังส่งหมายแจ้งให้ยุติการกระทำไปยัง วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ที่มักจะอ้างถึงเพลงของรัชในการหาเสียงในบางครั้ง
เพิร์ท มีชื่อจริงว่า นีล เอลลวูด เพิร์ท เกิดเมื่อ 12 กันยายน 1952 ที่แฮมิลตัน, ออนทาริโอ โตมาในเซนต์. แคเธอรีนส์, ออนทาริโอ ซึ่งอยู่ห่างโทรอนโทราวๆ 70 ไมล์ ในครอบครัวที่พ่อเป็นคนขายอุปกรณ์ทำฟาร์มและแม่เป็นแม่บ้าน เพิร์ทเริ่มเล่นกลองตั้งแต่อายุ 13 หลังได้ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับจีน ครูปา มือกลองวงบิกแบนด์ที่เล่นดนตรีกับเบนนี กูดแมน และช่วยให้มือกลองได้รับความสนใจมากขึ้น จากนั้นก็ถูกมนต์เสน่ห์ของดนตรีร็อคดึงดูดโดยเฉพาะงานจาก เดอะ ฮูว์ ที่มีคีธ มูนเป็นมือกลอง มีอยู่ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก เขาถูกตำหนิจากการเคาะโต๊ะ เลยโดนทำโทษให้เคาะโต๊ะนานถึงหนึ่งชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิก หากเป็นการทำโทษที่แสนสุข เพราะเพิร์ทเคาะโต๊ะเป็นจังหวะกลองเพลง “Tommy” ของเดอะ ฮูว์ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาคล้องชิ้นทองเหลือง ซึ่งเป็นเศษฉาบที่มูนตีจนแตกในคอนเสิร์ทของวงที่โทรอนโทเลยด้วยซ้ำ
ตอนมาออดิชันเป็นสมาชิกวงในปี 1974 ด้วยส่วนสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว เขาคือ “ผู้ชายตัวโตท่าทางน่าขำกับกลองชุดเล็กๆ” ลีเล่าถึงอดีต “พวกเราคิดว่าเขาเป็นพวกบ้านนอกคอกนาจากที่ไหนสักแห่ง แล้วพอเขานั่งลงหลังกลองชุดแล้วเริ่มกระหน่ำกลอง พวกเรา… ผมไม่เคยได้ยินใครตีกลองแบบนั้นมาก่อน ทั้งมีพลังทั้งมีความคล่องแคล่ว และเท่าที่ผมรู้คือ เขาถูกจ้างตั้งแต่นาทีที่เริ่มเล่นนั่นเลย”
เพิร์ทเคยบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัชอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ก็เพราะสมาชิกทั้งสามคนมีอารมณ์ขันและอุทิศตัวให้กับการทำงานเหมือนๆ กัน “ถ้ามีคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม ไม่มีความมั่นคงสักนิด” เพิร์ทเล่า “ไม่มีวินัยสักหน่อย หรือด้อยอารมณ์ขันไปบ้าง หรือทำตัวแย่ๆ มากกว่านี้ หรืออะไรก็ตามที่แตกต่างไป มันก็คงไปไม่รอด เลยมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นที่นี่”
แต่กับชีวิตส่วนตัวเพิร์ทต้องผ่านอะไรร้ายๆ มาไม่น้อย ในปี 1997 เขาเสียเซเลนา ลูกสาววัย 19 ปีไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่โทรอนโท และปีถัดมาแจ็คกี เทย์เลอร์ ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัย 23 ปี เพิร์ทตัดสินใจออกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์เป็นเวลานานถึง 14 เดือนจากแคนาดาไปถึงอเมริกากลาง กลายเป็นที่มาของหนังสือที่ว่าด้วยการเดินทางและความรู้สึกถึงการสูญเสีย Ghost Rider เมื่อปี 2002 ซึ่งเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งของเพิร์ท ตอนปี 2015 ที่วงหยุดทัวร์ เพิร์ทก็ออกเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ด้วยมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง โดยเพิร์ทแต่งงานครั้งที่สองกับแคร์รี นัททอลล์ในปี 2000 และอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้ มีทายาทเป็นลูกสาว – โอลิเวีย
แม้จะถูกเมินมองมานาน หากในที่สุดรางวัลสำคัญๆ ก็มองเห็นความยิ่งใหญ่ของรัช เมื่อพวกเขาได้รับการจารึกชื่อในหอประกาศเกียรติคุณร็อคแอนด์โรลล์ ฮอลล์ออฟเฟมในปี 2013
เพิร์ทเคยเล่าว่า ทุกครั้งที่นั่งลงหลังกลองชุด เขาพยายามนึกถึงจิตวิญญาณในแบบที่เขารู้สึกเมื่อครั้งเริ่มเล่นดนตรีเสมอๆ “ผมนั่งลงโดยที่ไม่เคยหักหลัง คุณค่าในตัวที่เด็กอายุ 16 มี” เขากล่าว “ไม่เคยขายตัวเอง, ไม่เคยก้มหัวให้ใคร การประนีประนอมเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้”
และนับจากนี้ ก็คงเหลือแต่ผลงานของเขากับรัชให้รำลึกถึง….
“ผมยังจำตอนที่ฟังอัลบัม 2112 ครั้งแรกตอนยังเป็นเด็กๆ ได้แม่น นั่นคือหนแรกที่ผมฟังมือกลองอย่างจริงจัง แล้วนับตั้งแต่วันนั้น ดนตรีก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป พลัง, ความแม่นยำ และการเล่นของเขา เป็นสิ่งที่เปรียบเทียบไม่ได้ เขาได้รับสมญานามว่า ‘ศาสตราจารย์’ ด้วยเหตุผลหนึ่ง เหตุผลที่ว่า พวกเราทุกคนล้วนเรียนรู้จากเขา” เดฟ โกรห์ล แห่ง Foo Fighters พูดถึงเพิร์ท บุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นมือกลองแห่งมือกลอง
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง มือกลองแห่งมือกลอง ที่ชื่อ นีล เพิร์ท คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 13 มกราคม 2563
[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]