By Sadaos
ในช่วงยุค 90 ตอนกลางค่อนมาทางปลายๆ ถือเป็นช่วงเวลาของดนตรีป็อปครองเมือง ซึ่งจริงๆ ก็ครองอยู่แล้วละ แต่ไม่มีช่วงไหน ที่ศิลปินป็อปดาหน้าขึ้นมาเป็นที่นิยมได้หนาแน่นเท่ากับช่วงที่ว่า ซึ่งก็มีทั้งศิลปินเดี่ยวอย่าง บริทนีย์ สเพียร์ส, คริสตินา อากีเลรา, เกิร์ลกรุ๊ปแบบ Spice Girls และที่ขาดไม่ได้ก็คือ กลุ่มบอยแบนด์อย่าง N*Sync, Backstreet Boys และสองศิลปินที่เพิ่งมีการปั้มอัลบั้มรวมเพลงฮิตออกมาให้ได้ฟังกันใหม่อีกรอบ ซาเวจ การ์เดนดูโอหนุ่มจากออสเตรเลียและ เวสท์ไลฟ์จากไอร์แลนด์
เริ่มกันที่ซาเวจ การ์เดน วงที่มีสมาชิกสองคนคือ ดาร์เรน เฮยส์ – นักร้องนำแดเนียล โจนส์ ที่ทำหน้าที่เล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ทั้งคู่ตั้งวงซาเวจ การ์เดนในปี 1993 ที่โลแกน ซิตี, ควีนส์แลนด์ พวกเขามีผลงานออกมาแค่สองอัลบั้ม คือ Savage Garden งานชุดแรกในปี 1997 และ Affirmation ในปี 1999 ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ได้ในบ้านเกิด, ติดท็อปเทนทั้งที่อังกฤษ และอเมริกา มีเพลงฮิตมากมายอาทิ I Want You, To the Moon and Back, Truly Madly Deeply, The Animal Song และ I Knew I Loved You ก่อนที่จะแยกวงกันไปในปี 2001 โดยเฮยส์กลายเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา
เสน่ห์ของซาเวจ การ์เดน อยู่ที่การผสมผสานความเป็นป็อปเข้ากับแนวทางดนตรีต่างๆ และซาวนด์ดนตรีในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี อย่าง Truly Madly Deeply ก็มีทั้งซาวนด์อิเล็กทรอนิกส์ เสียงอะคูสติคกีตาร์ ที่สอดรับกันเนียนๆ ขณะที่ Affirmation ก็ใส่ดนตรีร็อคเข้ามาได้เหมาะเจาะกับโทนเพลงของตัวเอง
สำหรับอัลบั้มรวมเพลงของพวกเขาชุดนี้ชื่อ Truely Madly Deeply, The Best of Savage Garden ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2005 แต่หนนี้เป็นการนำมาปั้มใหม่ ออกใหม่อีกครั้งหลังจากที่หายไปจากตลาดมานาน ที่นอกจากจะมีเพลงฮิตของซาเวจ การ์เดนแล้ว ยังเติมเพลงดังตอนกลายเป็นศิลปินเดี่ยวของดาร์เรน เฮยส์มาให้อีกสองเพลง และมีเพลงซิงเกิล หน้าบี ใส่มาให้ฟังอีก 5 เพลง ซึ่งก็ถือว่าให้เพิ่มเติมมาเยอะดี เพราะกับวงที่มีอัลบั้มออกมาแค่สองชุด จะให้อัลบั้มรวมเพลงเต็มอิ่มจริงๆ ก็ต้องมีของแถมอะไรมาให้ด้วย
งานรวมเพลงชุดต่อมาเป็น Westlife, Greatest Hits ของบอยแบนด์เลือดไอริช ที่ตั้งวงกันในปี 1998 โดยมีสมาชิกดั้งเดิมห้าคนคือ นิคกี เบิร์น, เคียน อีแกน, มาร์ก ฟีฮิลี, เชน ไฟแลน และไบรอัน แมคฟาดเดน ซึ่งรายหลังออกไปจากวงเป็นคนแรกตั้งแต่ปี 2004 ก่อนที่ทางวงจะประกาศแยกตัวกันในปี 2012 อย่างเป็นทางการ
เวสท์ไลฟ์สร้างชื่อมาจากเพลงป็อปบัลลาดหวานๆ อย่าง Swear It Again และนั่นก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา เมื่อเพลงต่อมาๆ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันนี้ รวมไปถึงมีการนำเพลงเก่ามาร้องใหม่ ที่ทำให้กลายเป็นเพลงฮิตของพวกเขาไปด้วย อาทิ Uptown Girl เพลงเก่าของบิลลี โจล (ที่น่าจะเป็นเพลงที่ ‘เร็ว’ ที่สุดของพวกเขา) หรือ Against All Odds ของฟิล คอลลินส์ ที่พวกเขาเอามาร้องใหม่ร่วมกับมารายห์ แครีย์ และ I Have a Dream เพลงเก่าของ Abba ซึ่งทั้งสามเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มรวมฮิตชุดนี้ แต่ก็มีบางเพลงที่หายไป อย่าง Season in the Sun ของเทอร์รี แจ็ค ที่พวกเขาเอามาร้องในปี 1999
ในช่วงที่ประสบความสำเร็จ เวสท์ไลฟ์มีเพลงฮิตอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเพลงอันดับ 1 ในอังกฤษถึง 14 เพลง และมีเพลงท็อปเทนมากถึง 26 เพลงที่นี่ตลอดระยะเวลาการทำงานกว่า 14 ปี รวมไปถึงได้รับการบันทึกว่า เป็นศิลปินที่มียอดขายซิงเกิลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีของอังกฤษอันดับที่ 34 โดยทำยอดขายอัลบั้มได้มากถึง 11.1 ล้านก็อปปี ส่วนซิงเกิลขายไปทั้งหมด 6.8 ล้านก็อปปี ที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้จะประสบความสำเร็จมหาศาลในอังกฤษ และทั้งโลกก็ว่าได้ เวสท์ไลฟ์ ไม่เคยประสบความสำเร็จในอเมริกาได้เลย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมีอุปสรรคอย่าง เอ็นซิงค์ และแบ็คสตรีท บอยส์ ขวางอยู่ก็เป็นได้
อัลบั้มรวมฮิตชุดนี้ของพวกเขามีเพลงให้ฟังทั้งหมด 18 เพลง แม้จะมีบางเพลงที่หายไปบ้าง แต่โดยรวมๆ ก็ถือว่าเก็บเพลงที่ต้องมีมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น My Love, If I Let You Go ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพลงในทางหวานงานเพราะด้วยกันทั้งนั้น
จากเรื่อง อัลบั้มรวมเพลงฮิตหวานๆ ของหนุ่มๆ หน้าใส Westlife และ Savage Gardenโดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่
What is your reaction?
