ตั้งวง (2013) : รากเหง้า กำพืด ตัวตน (ที่แท้จริง) และ ม็อบเสื้อแดง!!!
โดย เกรียนหนัง
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=227216940767973&set=a.113215048834830.20429.112834835539518&type=1&theater
หากพูดถึง คงเดช จาตุรันต์รัศมี เขาคนนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังไทยไม่กี่คนที่ เกรียน ติดตามผลงานมาตลอด และหนังทุกเรื่องของพี่แก ก็ไม่เคยทำให้เกรียนผิดหวังเลยจริงๆ จะมีก็ ชอบมาก ชอบน้อย ก็ว่ากันไปตามหนังแต่ละเรื่อง และถึงแม้อาจจะไม่ถูกใจคนดูวงกว้างเท่าไหร่นัก แต่หนังทุกเรื่องของพี่คงเดช จะมาพร้อมกับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ วิธีการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอ จนแทบพูดได้อย่างเต็มปากว่า หากจะหาผู้กำกับไทยที่เข้าขั้น auteur สักคนแล้วล่ะก็ จะต้องมีชื่อของพี่คงเดชรวมอยู่ในนั้นแน่นอน
หลังจากเมื่อปีก่อนเราได้ดูหนังซึ่ง ทะเยอทะยาน ที่สุดของผู้กำกับคนนี้อย่าง แต่เพียงผู้เดียว มาปีนี้พี่คงเดชกลับมาพร้อมกับหนังที่น่าจะเป็นสไตล์ถนัด (กว่า) ของตัวเองอีกครั้ง กับ “ตั้งวง” ที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มวัยรุ่น 4 คน อันได้แก่ ยอง กับ เจ เด็กเนิร์ดคู่หูตัวแทนตอบปัญหาวิทยาศาตร์ประจำโรงเรียน, เบส นักกีฬาปิงปองที่ใฝ่ฝันอยากเป็นตัวแทนโรงเรียน และ เอ็ม เด็กหนุ่มผู้หลงรักการเต้นคัฟเวอร์เกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ ที่ไปๆ มาๆ มีเหตุบางอย่างที่ทำให้พวกเขาทั้ง 4 คนต้องมาทำภารกิจรำแก้บนร่วมกัน โดยมี พี่นัท นางรำแก้บนมืออาชีพมาเป็นครูสอน
เมื่อดูจากเรื่องย่อ และโดยเฉพาะใครที่ได้ดูตัวอย่างหนังด้วย อาจจะคิดล่วงหน้าไปก่อนได้ว่า ตั้งวง คงเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของเด็กวัยรุ่น ที่ไม่เชื่อเรื่องบนบานสานกล่าว ไม่ศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ดันต้องมาทำอะไรที่ขัดกับความเชื่อของตัวเอง จนสุดท้ายนำไปสู่การได้ตระหนักถึงคุณค่าอะไรบ้างอย่างซึ่งเป็นรากเหง้าดั้งเดิมของตัวเอง ซึ่งถ้าใครที่คิดแบบนั้น เกรียนขอบอกว่า นั่นเป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวของสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอก เพราะเอาเข้าจริง ตั้งวง มีประเด็นที่ไปไกลกว่านั้นหลายเท่า
หากดูกันแบบพินิจพิเคราะห์แล้วการ ตั้งวง และ รำแก้บน ไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนรากเหง้าของความเป็นไทยแต่เพียงอย่างเดียว แต่การ ตั้งวง และ รำแก้บน ยังถูกหนังเรื่องนี้นำมาใช้ตั้งคำถามด้วยว่า จริงๆ แล้ว รากเหง้า กำพืด และตัวตน ที่แท้จริง ของความเป็นไทย ในยุคสมัยนี้มันอยู่ตรงไหนกันแน่? ผ่านตัวละครเด็กวัยรุ่น 4 คน ที่เมื่อดูจากพฤติกรรมแล้วน่าจะขัดแย้งกับความเป็นไทยซะมากกว่า ไล่ไปตั้งแต่ ยอง – ตัวแทนตอบปัญหาวิทยาศาสตร์/ใฝ่ฝันว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก เพราะมองว่าเมืองไทย และระบบการศึกษาไทยล้าหลัง, เจ – ตัวแทนตอบปัญหาวิทยาศาสตร์/ติดเกมส์คอมพิวเตอร์ และการ์ตูนญี่ปุ่นแบบงอมแงม, เอ็ม – แชมป์เต้นคัฟเวอร์แดนซ์เกาหลีที่ดูจากภายนอกแทบไม่เหลือความเป็นไทยเลย และ เบส นักกีฬาปิงปองที่อยากได้ไม้ตีปิงปองยี่ห้อนอกจนตัวสั่น (หรือแม้แต่นางรำมืออาชีพอย่าง พี่นัท ก็วาดฝันว่าจะได้แต่งงานแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ)
คำถามก็คือ ในเมื่อแต่ละคนถูกอิทธิพลจากต่างชาติครอบงำซะขนาดนั้น แล้วทำไมพวกเขาถึงยอมมาทำอะไรที่ขัดแย้งกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้? และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกเขารู้ซึ้งหรือตระหนักถึงคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาทำจริงหรือเปล่า? และถ้า ไม่ พวกเขาทำไปเพื่ออะไร?
แม้ว่าการให้ตัวละครตัวหนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มนั้นมาเป็นผู้ตอบคำถามข้างต้นในตอนจบของหนัง จะดูเป็นการจงใจยัดเยียดเกินไปหน่อย แต่คำตอบที่ให้กับคนดูอันนั้นก็ แสบสันต์ แดกดัน และยากที่จะปฏิเสธ เพราะนั่นเป็น ความจริง อีกด้านหนึ่งที่คนไทยยุคโลกไร้พรมแดนต้องยอมรับ แต่ คำตอบ ที่ว่าเป็นยังไง อันนี้เกรียนต้องขอละเอาไว้ให้ไปดูกันเองจะเป็นการดีกว่า แต่บอกใบ้ไว้นิดนึงว่า สำหรับเกรียน ตั้งวง ไม่ใช่หนังส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ซะทีเดียว แต่น่าจะเป็นหนังวิพากษ์วัฒนธรรมไทยในสไตล์คงเดชมากกว่า
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การแสดงของทีมนักแสดงในเรื่องที่ดูสมจริง เข้าขา และเป็นธรรมชาติสุดๆ ทั้งๆ ที่ดูแล้วนักแสดงแต่ละคนแทบจะเป็นหน้าใหม่ หรือไม่น่าจะผ่านงานแสดงใหญ่ๆ อะไรมาเลย นอกจากนี้ ตั้งวง ยังเป็นเครื่องการันตีอีกครั้งด้วยว่าพี่คงเดช เยี่ยมยอดเสมอในการทำหนังที่เล่าเรื่องราวของตัวละครตัวเล็กๆ ที่เป็นคนระดับธรรมดาๆ (เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เคยเล่าเรื่องของ ทอมบอยนักเขียนเรื่องเซ็กส์, คนขับแท็กซี่-หมอนวด, หนุ่มสามแขน-สาวนมโต, ช่างทำกุญแจ-หนุ่มร้านหนังสือแผงลอย) ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องของวัยรุ่นมัธยมปลายได้อย่างลึกซึ้ง ถึงแก่น ในตัวด้วย เลยทำให้บางคนถึงขนาดแซวว่า ตั้งวง เหมือนจะเป็นซี่รีส์ ฮอร์โมน เวอร์ชั่น โรงเรียนรัฐบาล…
ไม่เพียงเท่านั้น ตั้งวง ยังเหมือนเป็นการโชว์ฝีมืออีกครั้งของพี่คงเดช ในการบันทึกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองลงไปในหนังของตัวเอง หากจำกันได้พี่คงเดชเคยเล่าเรื่องราวใน สยิว คู่ขนานไปกับเหตุการณ์พฤษภา ทมิฬ มาแล้ว ส่วนใน ตั้งวง แกก็ทำอะไรคล้ายๆ กัน โดยเล่าเรื่องคู่ขนานไปกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพียงแต่ครั้งนี้ พี่คงเดชไม่ได้แค่ใช้หนังเป็นเครื่องบันทึกเหตุการณ์สำคัญเท่านั้น แต่ยังนำเอาเหตุวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้มาผูกโยงกับตัวละครในเรื่องได้อย่างมีประเด็นพอสมควร จะเสียดายอยู่นิดหน่อยก็ตรงที่ ไหนๆ ก็จะทำแล้ว ประเด็น ที่ว่ากลับยังดูไม่แหลมคม แถมกระเดียดไปทาง play save ด้วยซ้ำ
แต่เอาล่ะ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่ขาดๆ เกินๆ ให้เห็นอยู่ไม่ใช่น้อย แต่คงมีหนังไทยไม่กี่เรื่องหรอกที่สามารถตีแผ่ชีวิตวัยรุ่น, ตั้งคำถามถึง รากเหง้า ที่แท้จริงของตัวเอง และ (แอบ) วิพากษ์การเมือง ไปในคราวเดียวกันได้อย่าง ตั้งวง
PS. รีบไปให้กำลังใจหนังไทยดีๆ เรื่องนี้ ก่อนจะถูกถอดออกจากโปรแกรมนะจ๊ะ เพราะหนังไม่ได้ตังค์แบบนี้ยืนโรงไม่นานหรอก เดี๋ยวจะหาว่าเกรียนไม่เตือน…
คะแนน : ★★★★