เกาะติดภารกิจ Makeover ของเลดี้ กาก้า

ย้อนหลังไปราวๆ 1 ปี เลดี กาก้า คือศิลปินที่มาพร้อมข่าวเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากจบทัวร์ The Artpop Ball กาก้าไปทำงานในอัลบั้ม Duets ของลุงโทนี เบนเน็ทท์ โดยร้องเพลง The Lady is a Tramp คู่กัน ก่อนจะสานต่อด้วยการทำอัลบั้มแจ็ซซ์ Cheek to Cheek ที่มีการออกทัวร์มาเสริม

การทำงานกับลุงเบนเน็ทท์ ยังทำให้กาก้าเป็นเจ้าของข่าวเซอร์ไพรส์ แต่ไม่ใช่ข่าวเพี้ยนๆ เหมือนเคย แต่เป็นความประหลาดใจในความสามารถของเธอมากกว่า โดยเฉพาะการแสดงในงานประกาศรางวัลออสการ์เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ ที่กาก้าร้องเพลงสดุดีให้หนัง The Sound of Music ในวาระครบรอบ 50 ปี โดยหยิบเพลง The Sound of Music, Do Re Mi, Edelweiss และ Climb Ev’ry Mountain มาร้อยกันเป็นเมดลีย์ กาก้าในชุดที่ยาวจรดพื้น ซึ่งออกแบบและตัดให้เป็นพิเศษโดย แอซเซดีน อาไลอา ผมบลอนด์ยาวถูกปล่อยลงมา โดยไม่มีสีเขียวเจือปนเหมือนตอนออกทัวร์ The Artpop เธอทำให้กับผู้ชมที่เป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดตะลึง และขโมยโชว์คืนนั้นมาอยู่ในมือ จากการร้องได้เป๊ะๆ กับที่จูลี แอนดรูว์ส เจ้าของเพลงตัวจริงร้องเอาไว้ ซึ่งหลังงานจบ แอนดรูว์สถึงกับบอกว่าเธอได้เพื่อนใหม่เป็นนักร้องสาววัย 28 ปีรายนี้ ขณะที่บนเวที เธอก็สวมกอดกาก้าทันทีที่ร้องเพลงจบ

ที่สำคัญหลายๆ คนถึงกับบอกว่า การแสดงในงานออสการ์ครั้งนี้ของกาก้า ก็คือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการทำงานของเธอ โดยในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่ถึงเดือน เลดี กาก้า ขึ้นโชว์ในงานประกาศรางวัลใหญ่ๆ ติดกันถึง 2 โชว์ และสร้างความประหลาดใจได้ทั้งคู่ โดยที่ไม่มีเลือด เนื้อ เสื้อผ้าประหลาดๆ อุปกรณ์ประกอบพิลึกพิลั่น แต่เป็นการร้องเพลงอมตะคลาสสิคในสไตล์เก่า แบบไม่มีแดนเซอร์ หรือสวมชุดหวือหวา โดยเฉพาะงานออสการ์ ที่ถือว่าเป็นการปฏิวัติของเธอ

“มันเป็นเรื่องสนุกดี ที่ได้เห็นบรรดาเว็บไซต์ และบล็อกต่างๆ พากันพูดว่า ‘ทำไมทุกคนถึงตกตะลึงกับการที่เธอมีพรสวรรค์อันเหลือเชื่อขนาดนั้น?’” บ็อบบี แคมป์เบลล์ แห่งไลฟ์ เนชัน พูดในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกกับนิตยสารบิลล์บอร์ด นับตั้งแต่มาเป็นผู้จัดการให้กาก้าเมื่อปี 2013 หลังจากศิลปินสาวแยกทางกับ ทรอย คาร์เตอร์ ผูเ้จัดการคนเก่าก่อนอัลบั้ม Artpop วางแผงไม่นาน “โลกกำลังชื่นชมกับความสามารถของเธอในแบบที่เป็นปกติมากๆ”

ทั้งที่จริงๆ แล้ว เสียงร้องอันน่าทึ่งของกาก้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่มันถูกปิดบังด้วยเพลงเต้นรำสนุกๆ ของเธอมาโดยตลอด เพลงอย่าง Poker Face และ Applause ไม่ใช่เพลงที่จะได้เจอการร้องแบบชัดถ้อยคำน้ำเสียงของกาก้า แต่คนที่เคยดูเธอเล่นสด ก็คงสัมผัสได้ว่า กาก้าร้องในโน้ตสูงๆ ได้ และก็ลงต่ำได้สุดๆ เหมือนกัน นี่คือเสียงที่หล่อหลอมจากการฝึกแบบนักร้องเพลงคลาสสิคัล แต่ถูกบุคลิกภาพที่โตเกินตัวของเธอปกคลุมเอาไว้

แม้หลายๆ ครั้งศักยภาพในเสียงร้องจะแสดงออกมาให้เห็น เช่น การแสดงในงาน 2011 American Music Awards ที่เธอร้องเพลง Bad Romance แต่มันก็ถูกลืมแทบจะในทันทีด้วยเสื้อผ้า หน้าผม แดนเซอร์ และอุปกรณ์ประกอบการแสดง

การแสดงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานในการร้องเพลงของกาก้า 2 ครั้งหลังสุดก็คือ ผลลัพธ์จากการทุ่มเวลา 2 เดือนซ้อมร่วมกับโค้ชร้องเพลงที่ทำงานกับเธอมานาน และยังเป็นส่วนหนึ่งของเวลา 6 เดือนในการสร้างตัวเองใหม่ ท่ามกลางกระแสความผิดหวังทางธุรกิจของอัลบั้ม Artpop ที่ขายไปแค่ 744,000 ก็อปปี ขณะที่ The Fame ในปี 2008 ขายไปถึง 4.6 ล้านก็อปปี และ Born This Way ในปี 2011 ขายไป 2.3 ล้านก็อปปี

(พรุ่งนี้มีต่อ)

จากเรื่อง ปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหม่ของเลดี กาก้า คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 9 มีนาคม 2558

กดไลค์ Like ติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

Tony Bennett & Lady Gaga: Cheek to Cheek LIVE! by littlemonstersofficial