FEATURESMusic Features

เจาะลึกถึงการทำงานกว่าจะออกมาเป็นอัลบั้ม Songs of Innocence ของยูทูว์

กว่าจะกลายเป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงการเพลง Songs of Innocence ยูทูว์ ต้องใช้เวลาในการทำงานที่ยาวนานไม่ใช่น้อย และนี่คือเรื่องราวการทำงานของอัลบั้มที่แม้อาจจะไม่เยี่ยมยอดที่สุดของพวกเขา แต่ก็ใกล้เคียงกับจุดนั้นซึ่งย้อนหลังเริ่มต้นตั้งแต่ปลายปี 2010 ซึ่งแอนดี กรีน จากนิตยสารโรลลิง สโตน เขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจ

U2 Songs of innocence deluxe dlยูทูว์เริ่มบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่ กับโปรดิวเซอร์ ไบรอัน “แดงเจอร์ เมาส์” เบอร์ตัน ในช่วงที่ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก 360° งวดเข้ามาทุกที พวกเขามีไอเดียว่า จะทำงานที่กระบวนการทำงานกินเวลาถึง 4 ปี เวลาที่นาน และมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยใช้ สำหรับการทำอัลบั้มหนึ่งชุด “การทดลองต่างๆ รวมไปถึงการทำงานในช่วงสั้นๆ กับแดงเจอร์ เมาส์ ตอนเริ่มบันทึกเสียงอัลบั้ม เป็นการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ และให้โอกาสกับการตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์อย่างเสรี” ดิ เอดจ์ (มือกีตาร์ของวง) เล่า “พวกเรามีความสุดที่ได้ลด-ละ-เลิก สารพัดความไม่เชื่อ การไม่ยอมรับต่างๆ ออกไป เพื่อจะได้รู้ว่า งานของพวกเราสามารถไปได้ถึงตรงไหน การทำงานช่วงแรกๆ ได้งานที่เป็นเรื่องเป็นราวออกมามากที่สุด และสนุกที่สุด สำหรับการทำงานของยูทูว์ในสตูดิโอ เท่าที่ผมพอจะจำได้”

โบโนเสริมว่า สุดท้าย พวกเขาอัดเสียงไปร่วมๆ 100 เพลง “เราสนุกมากกับการหลงทางเข้าไปในกระบวนการสร้างสรรค์” เขากล่าว “สิ่งที่ผลักดันเราให้ทำงานที่ลึกขึ้น และมีเป้าหมายสูงขึ้นก็คือ การประเมินค่าใหม่ๆ เรื่องการเขียนเพลง” แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขกับงานในช่วงแรกไปซะทั้งหมด “เราตระหนักได้ว่า บางเพลงก็แค่ดีกว่าเพลงอื่น เนื้อร้องสอดคล้องกันมากขึ้น ซาวนด์ของงานมีความน่าสนใจกว่าเดิม” เขาเผย “เราพบว่าตัวเองเบื่อกับงานที่ออกมาแล้ว แค่รู้สึกดี หรือมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว”

ดิ เอดจ์ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน “ในบางแง่มุม ขณะที่ตัวเพลงกำลังอยู่ในความสนใจ เราก็ได้เห็นคุณภาพบางอย่าง ลักษณะเด่นในงาน ที่ไม่ได้แสดงอะไรออกมา” เขากล่าว “นี่หมายความว่า เราต้องออกไปเขียนเพลงใหม่ แล้วก็รื้องานมาทำใหม่ ซึ่งเป็นงานที่เกือบจะเสร็จแล้ว”

จิมมี ไอโอไวน์ อดีตหัวหน้าของค่ายเพลงอินเตอร์สโคป ต้นสังกัดของยูทูว์ ต้องกลายมาเป็นมาคณะกรรมการฟังเพลงของพวกเขาซะอย่างนั้น ในช่วงระหว่างการทำงานบันทึกเสียง “ตอนที่พวกเขาเปิดเพลงให้ผมฟัง ผมไม่ได้ยินเพลงที่จะเข้าถึงแฟนเพลงที่ไม่ใช่แฟนของยูทูว์เลย” เขาเล่า “ผมได้ยินเนื้อร้อง และความคิดที่น่าจะทำได้ แต่ไม่ใช่ตัวเพลง”

เขาบอกกับวงว่า ให้ลงไปลึกมากกว่าเดิม “ผมพูดตรงๆ กับพวกเขา ‘เพื่อทำเพลงที่พวกคุณอยากจะทำ พวกคุณต้องไปยังที่ ที่พวกคุณไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในตอนนี้ มันอาจจะเจ็บปวด หม่นมืด และทุกข์ทรมาน แต่คุณก็ต้องไปที่นั่น คุณสามารถพาตัวเองย้อนกลับไปในที่ที่เคยอยู่ตอนอายุ 25 หรือ 35 ได้หรือเปล่า? ถ้าทำได้ โลกจะกลับมาหาคุณอย่างรวดเร็ว และคุณก็ไม่ต้องสนอะไรอีกต่อไปแล้ว”

เพื่อไปให้ถึงตรงนั้น โบโนเริ่มเขียนเพลงเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นที่แสนยากเข็ญของตัวเอง สมัยอยู่ในดับลิน และเพลงที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา ที่เด่นๆ ก็คือ งานของเดอะ แคลช และเดอะ ราโมนส์ “ผมย้อนกลับไปเริ่มฟังเพลงทุกเพลงที่ทำให้พวกเราคิดตั้งวงร็อค” เขาเล่า “มันให้เหตุผลสำหรับการมีตัวตนของเราอีกครั้ง และนั่นคือการที่อัลบั้มชุดนี้เริ่มต้นขึ้น”

เขายังพยายามทำให้การแต่งเพลงของตัวเองยุ่งยากน้อยลง “เราอยากให้อัลบั้มมีเพลงที่สามารถลุกขึ้นยืนได้ เมื่อเล่นด้วยอะคูสติคกีตาร์หรือว่าเปียโน” เขาอธิบาย “ไม่ต้องไปพึ่งพาเอดจ์, อดัม และแลร์รี หรือว่าพลังขับเคลื่อนในการเล่นดนตรี เราจะใส่งานแบบอะคูสติคลงไปในซีดีเพื่อลองความคิดนี้”

ด้วยสาเหตุบางอย่าง แดงเจอร์ เมาส์ ก้าวเดินออกไป เพื่อจัดการกับงานในนามวง โบรเคน เบลล์ และสารพัดโปรเจ็คท์ของเขา “เราฉวยโอกาสนี้ไปทำงานกับ ไรอัน เทดเดอร์ และพอล เอพเวิร์ธ” โบโนเล่า “พวกเขาเป็นคนที่มีความเชื่อแบบเก่าๆ ในเรื่องการเขียนเพลง” ฟลัด ที่ทำงานกับยูทูว์มาโดยตลอดตั้งแต่อัลบั้ม The Joshua Tree ถูกดึงเข้ามาช่วย “ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้านมาทำอัลบั้มของยูทูว์” โบโน เผย “ไม่ว่าจะเป็น The Joshua Tree หรือ All That You Can’t Leave Behind เราร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้คนละมือ”

สุดท้ายพวกเขาพบว่าตัวเองมีเพลงอยู่จำนวนหนึ่ง ที่รู้สึกว่าน่าจะเป็นงานที่ดีที่สุด “เราทำสำเร็จในเรื่องของการสร้างมุมมองใหม่ๆ แต่ก็อยากให้อัลบั้มมีบางอย่างที่เรียกว่าเป็น งานแบบอลังการ” ดิ เอดจ์ กล่าว “นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี ถ้าคุณถามผมว่า เพลงต่างๆ มารวมกันได้ยังไงในตอนท้าย ที่ผมคงจะต้องคิดอยู่บ้าง อัลบั้มชุดนี้มีความสอดคล้องกัน ทั้งที่กระบวนการทำงานของพวกเรามันออกจะประหลาดๆ”

และเมื่อการทำงานบันทึกเสียงใกล้เสร็จสิ้น ทางวงไปหยิบประเด็นที่ค่อนข้างจริงจังอย่าง ทำยังไงให้อัลบั้มออกมา “เปรี้ยง” ในระดับของยูทูว์ ในยามที่ยอดขายอัลบั้มลดต่ำ และสถานีวิทยุเพลงร็อคลดลง “เราต้องการให้งานเข้าถึงคนฟังให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” กาย โอเซียรี ผู้จัดการของวงกล่าว “เราสุมหัวคิดกันจนหัวแทบแตก แอปเปิลมีลูกค้าของไอทูนส์อยู่เป็นร้อยๆ ล้าน การให้พวกเขาไปเลยน่าจะเข้าท่า”

จากนั้นการให้ ‘ฟรี’ กับลูกค้าไอทูนส์ 500 ล้านคนก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีรายงานว่า แอปเปิลตกลงจ่ายเงินอย่างน้อย 100 ล้านเหรียญในการทำการตลาด ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดกับวงเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาตัวเลขนั้นมาจากที่ไหน” แหล่งข่าวเผย “ผมว่ามันผิด” ตัวเลขที่ทางแอปเปิลจ่ายให้ทางวงยังคงเป็นความลับดำมืด “อัลบั้มแจกฟรี ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกนะ” โบโนกล่าว “มันต้องเสียเวลา และพลังงานเพื่อสร้างขึ้นมา มันเป็นของฟรีเพราะแอปเปิลจ่ายให้ มันเป็นของขวัญ” ขณะที่โอเซียรีบอกแค่ว่า “มีการจ่ายเงินให้กับต้นสังกัดโดยแอปเปิล” เมื่อถูกนักข่าวถาม

บางทีเป็นเรื่องที่น่าจะทำนายได้ เมื่ออัลบั้มไปอยู่ในมือของคนถึงครึ่งพันล้านคน สำหรับปฏิกริยาที่มีต่อ Songs of Innocence เกิดขึ้นแทบทุกแห่ง ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ดีใจไปจนถึงกระวนกระวายใจ “ไม่เคยเป็นแฟนเพลงของวง แต่ Songs of Innocence เป็นของที่ลึกลับ” ข้อความหนึ่งที่ถูกทวีตขึ้น หรือฉงนในใจ “มีใครแฮ็คไอทูนส์ของฉันหรือเปล่า หรือฉันละเมอซื้ออัลบั้มของยูทูว์มา” อีกหนึ่งทวีตว่าไว้ และกระทั่งโกรธ หลังจากที่ส่งอัลบั้มให้ลูกค้า แอปเปิลได้รับคำตำหนิมากมาย ส่งผลให้ต้องรีบออกซอฟท์แวร์ที่อนุญาตให้ลูกค้าสามารถลบอัลบั้มออกจากไอคลาวด์ของตัวเองได้ แต่ทางวงสนใจกับความจริงที่ว่า อัลบั้ม 17 ชุดของยูทูว์กลับมาติดชาร์ทขายดีของไอทูนส์อีก หลังอัลบั้มชุดใหม่ถูกปล่อยไปไม่กี่วันมากกว่า “ไม่ใช่ความคิดในแบบร็อคๆ หรอก” ไอโอไวน์ กล่าว “สิ่งที่ทางวงกำลังพยายามทำก็คือ ท้าทายแรงโน้มถ่วง และเครื่องไม้เครื่องมืออะไรก็ตาม ที่ทำสามารถเอามาใช้ได้ คุณก็ควรเอามาใช้”

มีอัลบั้มอีกชุดของวงที่อยู่ในระหว่างทำงานชื่อว่า Songs of Experience ซึ่งเป็นชื่อหนังสืออีกเล่มของวิลเลียม เบลค กวีที่เป็นเจ้าของหนังสือที่ชื่อ Songs of Innocence “ทีแรกเลย มันเหมือนว่า พวกเรากำลังทำอัลบั้ม 2 ชุดที่แยกจากกัน” ดิ เอดจ์เผย “เพลงส่วนใหญ่ที่ยังไม่เสร็จ มีค่าพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้ม Songs of Experience และบางเพลงที่เสร็จ ก็ดีพอๆ หรือดีกว่าเพลงใน Songs of Innocence อัลบั้ม The Songs of Experience จะออกเมื่อพร้อม ผมหวังว่าคงไม่ต้องใช้เวลานานนัก” โบโนเองก็ไม่พอใจนักกับการพูดถึงว่า เมื่อไหร่ที่อัลบั้มจะพร้อม “อย่างที่เห็น ผมไม่ใช่คนที่เชื่อถือได้ในการทำนายวันออกจำหน่าย” เขาพูด “ถามเอดจ์ดู”

ตอนนี้ ทางวงกำลังเริ่มหันเหความสนใจไปหาการออกทัวร์ และเล่นเพลงใหม่ๆ แบบสดๆ บนเวที “การออกทัวร์ยังคงอยู่ในช่วงของการวางแผน เพราะงั้นคงเร็วไปที่จะบอกว่า มันจะออกมายังไง” เอดจ์ กล่าว “ผมคิดว่าเราจะเริ่มทำอะไรเล็กๆ เราไม่สามารถทำอะไรอลังการแบบทัวร์ครั้งก่อนหน้าได้หรอก”

ในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครในวง ที่เสียใจกับการมอง ‘สูง’ สำหรับการปล่อย Songs of Innocence ออกมา “ตอนนี้ 7% ของคนในโลกมีอัลบั้มชุดนี้” โอเซียรี กล่าว “มันอาจจะเป็นจำนวนที่มาก แต่เราชอบการคิดอะไรใหญ่ๆ โตๆ” และเมื่อถูกถามถึงปฏิกริยาตอบสนองในแง่ลบที่ได้รับ โบโนตอบง่ายๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้ ก็ลบมันซิ ลิงค์ก็มีนี่”

จากเรื่อง กระบวนการทำงานของอัลบั้มประวัติศาสตร์ Songs of Innocence ของยูทูว์ โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 8-9-10 ตุลาคม 2557

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.