
อัลบั้ม 1 หรือ The Beatles 1 คืออัลบั้มที่รวมเพลงอันดับ 1 ของเดอะ บีเทิลส์ ทั้งบนเกาะอังกฤษหรืออเมริกามารวมกันไว้ถึง 27 เพลง โดยวางจำหน่ายในปี 2000 และทำยอดขายได้ถึง 31 ล้านก็อปปีทั่วโลก เป็นอัลบั้มขายดีตลอดกาลอันดับที่ 4 นับตั้งแต่มีการจัดอันดับด้วยระบบซาวนด์สแกน และต่อจากนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแต่ละเพลงของอัลบั้มชุดนี้กัน
Can’t Buy Me Love อันดับ 1 ในอังกฤษ, อเมริกา/ วางจำหน่าย: 20 มีนาคม 1964 (ในอังกฤษ); หลังเดอะ บีเทิลส์ ไปปรากฏตัวในรายการ ดิ เอ็ด ซุลลิแวน โชว์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ อเมริกาก็ตกเป็นของพวกเขา และซิงเกิลแรกหลังจากนั้นก็แสดงให้เห็นว่า เดอะ บีเทิลส์ยังรักษาแรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้
ท่อนคอรัสของ Can’t Buy Me Love พุ่งออกมาจากความเงียบสงบ เป็นการสื่อสารที่ไร้รอยตำหนิถึงความคลั่งไคล้ในช่วงเวลาที่เกิดกระแสบีเทิลมาเนีย และเมื่อเพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 บิลล์บอร์ดชาร์ทในเดือนมีนาคม ก็ทำให้เกิดสถิติที่ยากจะมีใครมาทุบ เมื่อเดอะ บีเทิลส์มีเพลงอันดับ 1-5 ในชาร์ทในเวลาเดียวกัน
เพลงนี้แต่งกันที่ปารีส ระหว่างที่พวกเขาพักกันที่โอลิมเปีย เธียเตอร์รวม 18 วัน ซึ่งจอห์นบอกในภายหลังว่าเพลงนี้ “เป็นของพอลเต็มๆ” โดยเป็นเพลงที่แต่งกันท่ามกลางแรงกดดัน เพราะนี่คือซิงเกิลต่อจาก I Want to Hold Your Hands ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล กับการที่ต้องขึ้นโชว์ถึง 3 รอบต่อวัน ทางวงอยู่ในช่วงที่พีคสุดๆ และจบเพลงนี้ได้ด้วยการบันทึกเสียงแค่ 4 เทค ที่เดอะ พาเธ่ มาร์โคนี สตูดิโอ
ตอนแรกไม่ได้มีความตั้งใจจะใส่เพลงนี้ไปในหนัง A Hard Day’s Night แต่ไปๆ มาๆ ก็ถูกนำไปใส่ ในช่วงท้ายๆ ของการทำงาน เมื่อผู้กำกับริชาร์ด เลสเตอร์มองว่า การปลดปล่อยความสนุกสนานของเพลงนี้ น่าจะเหมาะดีกับฉากสำคัญ เมื่อสมาชิกของวงพังกรงที่หลังเวที แล้วหลบออกมาทางบันไดหนีไฟ และกระโดดโลดเต้นไปตามสนามที่ว่างเปล่า ซึ่งเป็นความรู้สึกถึงอิสรภาพ ปราศจากความกลัวกรอบของกฎเกณฑ์ และความรับผิดชอบ ที่จะต้องสร้างนิยามดังกล่าวให้เกิดขี้นได้ทั้งภาพและเสียง จนกลายเป็นการสะท้อนให้เห็นความรู้สึกของผู้ชมทั่วโลก ตลอดจนคุณค่าใหม่ในยุคก่อนการมาถึงของพวกฮิปปี ที่สัมผัสได้จากเนื้อร้อง ซึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับการขายบริการทางเพศ ที่ลือๆ กันในตอนนั้นแต่อย่างใด
A Hard Day’s Night อันดับ 1 ในอังกฤษ, อเมริกา/ วางจำหน่าย: 10 กรกฎาคม 1964 (ในอังกฤษ), 13 กรกฎาคม 1964 (ในอเมริกา); การได้แสดงภาพยนตร์ แสดงให้เห็นถึงระดับความโด่งดังที่แตกต่างไปจากเดิมของนักดนตรี และกับหนังเรื่องแรก เดอะ บีเทิลส์มีทั้งเสน่ห์และความเฉลียวฉลาด ที่ทำให้บรรดานักวิจารณ์ทำอะไรไม่ได้ และแน่นอน สร้างความพึงพอใจให้แฟนๆ อย่างที่สุด
วลีที่เป็นชื่อหนังจากปากของริงโกเป็นคำเก๋ๆ ที่แสดงนัย ถึงโลกที่กำลังพลิกผัน ที่อาจจะเป็นจริงได้แค่ครึ่งเดียวหากเลนนอนไม่ปรากฏตัวที่ห้องอัดแอบบีย์ โรด ในวันที่ 16 เมษายน พร้อมเพลงชื่อเดียวกับหนัง ที่เขียนลงบนด้านหลังการ์ดวันเกิดครบรอบ 1 ปี ที่แฟนเพลงส่งให้จูเลียน ลูกชายของเขาเมื่อวันที่ 8 เมษายน
เพลงนี้เปิดด้วยคอร์ดที่แฮร์ริสันบอกว่าเป็น “คอร์ดเอฟ ที่มีคอร์ดจีอยู่ข้างบน” ซึ่งเป็นคำยืนยันที่ดูไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ สำหรับเสียงที่ปลุกทุกคนจากภวังค์ แต่ A Hard Day’s Nightคืองานคลาสสิคเพลงแรกๆ ของเลนนอน ความสนุกสนานของเพลงตัดกับสภาพความเหนื่อยล้าในโลกแห่งความเป็นจริง และในวิดีโอฉบับบูทเลกที่มีออกมา แสดงให้เห็นว่าจอร์จต้องปล้ำกับกีตาร์ริคเคนเบคเคอร์ 12 สาย ใน 2-3 เทคแรกของการอัดเสียง แต่ก็ใช้เวลาบันทึกเสียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อให้ได้เวอร์ชันอย่างที่ได้ยินกัน และเมื่อออกวางจำหน่ายในอีกสองเดือนต่อมา เดอะ บีเทิลส์ก็กลายเป็นศิลปินรายแรก ที่มีเพลงอันดับ 1 และอัลบั้มอันดับ 1 ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ในเวลาเดียวกัน
จากเรื่อง เบื้องลึก เบื้องลับ กับเพลงอันดับ 1 ของ The Beatles (3) โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 27 ธันวาคม 2558
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่