
Nasty Girl, When You Were Mine, Stand Back, Sex Shooter, Jungle Love, The Glamorous Life, I Feel for You, Sugar Walls, A Love Bizarre, Manic Monday, Kiss, Yo Mister, Love Song, Nothing Compares 2 U, Jerk Out, Round and Round เหล่านี้คือเพลงที่แต่งโดยพรินซ์ แล้วศิลปินอื่นๆ เอาไปร้อง และประสบความสำเร็จ เพลงดัง ศิลปินดัง หรือได้แจ้งเกิดอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็น วง The Time, ซินดี ลอเพอร์, มาดอนนา, ชากา ข่าน, เทวิน แคมป์เบลล์, วานิตี้, ทอม โจนส์ หรือซีเนด โอคอนเนอร์
และนี่คือ 2 เพลงสุดท้าย ที่ศิลปินอื่นเอาเพลงของพรินซ์ไปร้องจนโด่งดัง ที่หยิบมาให้รู้จักกัน
Love… Thy Will Be Done, มาร์ติกา (1991): สองปีหลังจากมี Toy Soldier เป็นเพลงฮิตอันดับ 1 มาร์ติกาก็มีเพลงนี้เป็นเพลงอันดับ 10 ในชาร์ทเพลงฮิต นี่เป็นเพลงจากอัลบั้มชุดที่ 2 ที่เธอได้รับความช่วยเหลือจากพรินซ์ ซึ่งแต่งเพลงให้อัลบั้ม Kitchenของเธอถึง 4 จาก 10 เพลง ด้วยโทนหม่น ทึมๆ ในอารมณ์ที่ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ผ่านมา มาร์ติกาบอกว่า เพลงนี้คือเพลงสวด แต่จริงๆ แล้วก็มีเพียงแค่ตอนต้นที่เป็นเหมือนการสวดจริงๆ เธอแต่งเพลงนี้โดยเขียนลงบนสมุดโน้ต ระหว่างคุยกับพรินซ์ที่เพสลีย์ พาร์ค แล้วเขาก็ขอยืมสมุดของเธอ เพื่อทำอะไรสักอย่าง หลังหายไปราวๆ 2-3 ชั่วโมง เขาก็คืนกลับมาให้ มาร์ติกาเล่าว่า พรินซ์บอกกับเธอว่า “ผมมีเครื่องถ่ายเอกสารไว้ก็อปปีอะไรบางอย่าง ทำไมคุณไม่ให้ผมอยู่กับมันสักพัก แล้วเราจะได้ไปกันต่อจากตรงนี้” อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลังกลับมาที่แอลเอ มาร์ติกาก็ได้รับแฟ็กซ์พร้อมเนื้อร้อง แล้วก็เทปคาสเส็ทท์กับดนตรีที่บันทึกเสียงเอาไว้ทางไปรษณีย์ มาร์ติกาไม่เคยพบกับพรินซ์แบบเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นอีก แต่หลังจาก Love… Thy Will Be Done กลายเป็นเพลงฮิตในอเมริกา พรินซ์ก็หยิบเอาเพลงนี้ไปเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตของตัวเองบ้างในหลายๆ วาระ
How Come You Don’t Call Me Anymore, อลิเซีย คีย์ส (2001): ในSongs in A Minor อัลบั้มเปิดตัวของคีย์ส ที่ทำยอดขายระดับแผ่นเสียงทองคำขาว7 แผ่น เธอเอาเพลงซิงเกิลหน้าบี แสนคลาสสิคของพรินซ์มาตีความใหม่ได้อย่างเยี่ยมยอด และนี่ไม่ใช่หนแรกที่มีศิลปินหญิงเอาเพลงบัลลาดอกหักของพรินซ์เพลงนี้มาทำใหม่ ก่อนหน้านี้ ไม่กี่เดือนหลังจากเขาปล่อยเพลงต้นฉบับในฐานะเพลงหน้าบีของซิงเกิล 1999 สเตฟานี มิลล์ส ก็เอาไปบันทึกเสียงในแบบงานเพลงกอสเพลเมื่อปี 1983 แต่ฉบับของคีย์ส คือการเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่แสดงการตอบรับความเป็นอัจฉริยะของพรินซ์ ในวัยเพียงแค่ 19 ปีเธอเติมเสียงเบสที่หนักแน่นและเร้าความรู้สึกเข้ามาในเพลง ไปจนถึงการเรียบเรียงเปียโน เสียงร้องมีทั้งเปล่งออกมาเบาๆ และคำรามด้วยอารมณ์ไปกับเสียงร้องหนาๆ แล้วก็ใส่เนื้อร้องใหม่ๆ อย่าง “I always thought you’d be by my side, poppa, and now you’re gone … and I’m not trying to hear that shit” เข้ามา หลังจากนี้ไม่นานคีย์สกลายมาเป็นเพื่อนกับมือกีตาร์ระดับตำนาน และเมื่อเขาได้รับการจารึกชื่อในหอประกาศเกียรติคุณร็อคแอนด์โรลล์ เมื่อปี 2004 คีย์สคือคนที่กล่าวสดุดี และมอบตำแหน่งให้กับเขา “มีพระราชามากมายหลายองค์ แต่มีเจ้าชายเพียงหนึ่งเดียว” เธอกล่าว “เขาแต่งเพลงมากมาย ที่ทำให้ฉันมองการแต่งเพลง เป็นเหมือนการเขียนเรื่อง ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ปลดปล่อยออกมา” สำหรับเพลงนี้ในฉบับของคีย์ส ไปได้ไกลถึงอันดับที่ 59 ในชาร์ทเพลงฮิตฮ็อท 100
จากเรื่อง เพลงของพรินซ์ ที่ฮิตโดยศิลปินอื่น (จบ) คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2559
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่