![](https://www.sadaos.com/wp-content/uploads/2020/04/corona-music.jpg)
เมื่อโคโรนาไวรัสยังอยู่ในสถานะ ‘ควบคุมไม่ได้’ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบันเทิง ที่ส่วนใหญ่ก็คือแหล่งรวมกลุ่มคน ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อห้ามสำคัญ หากต้องการลดหรือหยุดการแพร่กระจายของไวรัส โดยเฉพาะในธุรกิจดนตรี ที่การแสดงคอนเสิร์ทมีคนมหาศาลมารวมตัวกันสนุกไปกับเสียงเพลงจากศิลปินที่ชื่นชอบ
การระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้ข่าวศิลปินยกเลิกการแสดงมีอย่างต่อเนื่อง กระทั่งการแสดงในงานเซาธ์บายเซาธ์เวสท์ ก็ต้องรอจนแทบนาทีสุดท้ายของการร้องเรียนถึงเลิกการจัดงาน ซึ่งถูกยกเลิกโดยฝ่ายสาธารณสุขของออสติน ปล่อยให้ศิลปินที่กำลังจะโด่งดังทั้งหลายเคว้ง และแกรี ไรอันแห่ง nme.com ก็มีมุมมองที่น่าสนใจในเรื่องผลกระทบของโคโรนาไวรัสที่มีต่อวงการดนตรี
ถึงงานเซาธ์บายเซาธ์เวสท์จะทำเงินให้เมืองออสตินถึง 271 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา แต่การที่ไม่ได้มีการประกันภัยเรื่องโรคระบาด ทำให้ต้องปลดพนักงานจำนวนมาก อันเป็นผลจากการเสียรายได้ก้อนโต เทศกาลดนตรีทั่วโลกก็ต้องระงับหรือเลื่อน เช่น งานอูลตราที่ไมอามี หรือโคเชลลาที่แคลิฟอร์เนียก็ย้ายจาก 10 เมษายนเป็นตุลาคม ทำให้เงินร่วมๆ พันล้านเหรียญหายไปในพริบตา
ในยุโรปก็มีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส หนึ่งในนั้นก็คือ ห้ามจัดการแสดง ในฝรั่งเศส, สวิทเซอร์แลนด์ และเจ็ดจาก 16 รัฐของเยอรมันซึ่งรวมเบอร์ลินด้วย งานที่มีผู้ร่วมงาน 1,000 คนขึ้นไปจัดไม่ได้, โปแลนด์ไม่ให้จัดงานที่รวมคนจำนวนมาก, การชุมนุมเกินร้อยคนเป็นเรื่องผิดกฏหมายที่สาธารณรัฐเช็ค ส่วนอิตาลีที่ผู้เสียชีวิตจากไวรัสแซงหน้าจีนไปแล้ว ทั้งประเทศอยู่ในระหว่างการกักกัน ส่วนอังกฤษเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอร์รีก็ประกาศยกเลิกแล้วเรียบร้อย
แม้จะทำให้ยุโรปอยู่ในภาวะสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลกนั้น ประเมินกันว่าน่าจะมากถึง ห้าหมื่นสี่พันล้านเหรียญ แล้วถึงจัดการแสดงได้ บรรดาโปรโมเตอร์ก็ต้องเจอกับปัญหายอดขายตั๋วที่ชะลอตัว กระทั่งโปรโมเตอร์รายใหญ่อย่างไลฟ์ เนชันก็ยังต้องเจอกับการที่หุ้นตัวเองตกลงถึง 36%
ดร.เอียน เอ. เทย์เลอร์ ผู้บรรยายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดนตรีที่มหาวิทยาลัยเมืองเบอร์มิงแฮม กล่าวว่า ถึงผลกระทบจากโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมดนตรีอังกฤษจะเลี่ยงไม่ได้ แต่ความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละก้าวที่รัฐบาลเลือกเดิน อย่างการเปลี่ยนจากสถานะควบคุม ไปเป็นสร้างระยะห่างทางสังคม เช่นที่หลายประเทศในยุโรปใช้ จะห้ามการชุมนุมของฝูงชน เช่น การแสดงดนตรี และต่อให้ไม่เข้าสู่ช่วงดังกล่าว ดร.เทย์เลอร์ก็มองว่าด้วยพฤติกรรมตามๆ กันและความกังวลเรื่องไวรัส ก็จะทำให้คนเลี่ยงการไปชมการแสดงอยู่ดี
ตัวเลขล่าสุดในการประเมินมูลค่าอุตสาหกรรมการแสดงดนตรีอยู่ที่ 1.1 พันล้านปอนด์ต่อปี การแสดงที่ถูกยกเลิกย่อมส่งผลกับทุกคนที่ต้องพึ่งพามันเพื่อเลี้ยงชีวิต การทำงานที่หยุดชะงักและภาระทางการเงินเป็นสิ่งคู่กัน “การยกเลิกการแสดงจะส่งผลต่อธุรกิจมากมาย ที่ปกติได้รับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยว ทั้งที่พัก, รถแท็กซี, บาร์ และร้านอาหาร รายได้ของบริการเหล่านี้ต้องตกลง เมื่อเทศกาลดนตรีสำคัญๆ ถูกยกเลิก” ดร.เทย์เลอร์ กล่าว “นักท่องเที่ยวที่มาชมมีมูลค่าถึง 4.5 พันล้านปอนด์สำหรับเกาะอังกฤษ ผู้คนจะมาจากทั่วโลกเพื่อสนุกกับวัฒนธรรมการแสดงดนตรีที่มีชีวิตชีวาของอังกฤษ และช่วงเทศกาลดนตรี ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้”
สำหรับผลกระทบต่อศิลปิน นอกจากงานแสดงที่ลดลง การลงดาบงานซาธ์บายเซาธ์เวสท์ ก็เหมือนการตัดโอกาสเติบโตของวงการเพลงอินดีอังกฤษ เพราะศิลปินต้องมีการวางแผนการเดินทาง แต่กลับพบความเสี่ยงของการพังทะลายทางการเงินโดยไม่รู้มาก่อน และวีซาก็ใช้ไม่ได้
“ค่ายเพลงอิสระมักเจียดเงินทำการตลาดให้ศิลปินที่เล่นในงานเซาธ์บายเซาธ์เวสท์ ที่ถูกยกเลิกไป และมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวน้อยมาก ศิลปินหลายรายใช้เวทีนี้เพื่อเดินสายทัวร์อเมริกา แต่ตอนนี้ต้องถูกปฏิเสธจากประเทศที่เพิ่งเดินทางเข้าไป เนื่องจากงานสำคัญถูกยกเลิก” พอล แพซิฟิโค ซีอีโอของสมาพันธ์ศิลปินอิสระกล่าว แล้วยังมีเรื่อง ‘ค่าโอกาส’ ที่แผนการตลาดส่วนใหญ่จะทำเพื่อสร้างความสนใจที่นำไปสู่การแสดงตลอดทั้งปี ซึ่ง “เวลาแบบนั้นหายไปแล้ว” แพซิฟิโคกล่าว
ลอรา เจน เกรซ แห่งวง Against Me! ย้ำด้วยว่า ศิลปินมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองในเรื่องโคโรนาไวรัส “ทุกวงที่ยกเลิกการแสดงเพราะโคโรนาไวรัส กำลังเจอเหตุการณ์ที่บริษัทประกันของตัวเอง ปรับนโยบายใหม่เพื่อไม่ให้มีการคุ้มครองการยกเลิกการแสดงเนื่องจากไวรัส” เธอทวีต “ฉันรู้เพราะบริษัทประกันของเราก็ทำแบบเดียวกัน”
“ศิลปินส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประกันโคโรนาไวรัส เพราะเจ้าหน้าที่ประกันภัยกำหนดไว้ก่อนแล้ว และไม่รวมมันไว้ในเงื่อนไข” แหล่งข่าวกล่าว “นอกจากนี้พวกโปรโมเตอร์ก็อาจไม่ทำประกันภัย เพราะมองโลกในแง่ดีเกินไป แล้วก็ไม่มีการตัดสินใจใดๆ จากรัฐบาล เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินในพื้นที่ซึ่งรับผลกระทบรุนแรง การแสดงที่ถูกยกเลิกเป็นจำนวนมาก จะเป็นหายนะทางธุรกิจครั้งใหญ่สำหรับคนมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า”
สหภาพนักดนตรีมีความเป็นห่วงสมาชิกที่มีกว่า 3,000 คนอย่างมาก โดยเฉพาะหากอังกฤษเข้าสู่สภาวะระยะห่างทางสังคม คนที่ไม่มีงานประจำจะเจอกับ “ความเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้ไป 100%” นาโอมิ โพห์ลเลขาธิการทั่วไปของสหภาพฯ กล่าว พวกเขาพยายามล็อบบีให้รัฐบาลจ่ายค่าป่วยการให้สมาชิกที่ต้องดูแลตัวเอง และถูกยกเลิกงานเพราะโคโรนาไวรัส โดยเฉพาะเมื่อมองว่า รายได้เฉลี่ยของนักดนตรีจะอยู่ที่ 20,000 ปอนด์ ซึ่งต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยของคนอังกฤษที่ 28,677 ปอนด์ นั่นหมายความว่า นักดนตรีมีสถานภาพทางการเงินที่ไม่ปลอดภัยและไม่มีอะไรรองรับ แล้วกับ 60% ของนักดนตรีอิสระที่ใช้การสอนสร้างรายได้เสริม “หากโรงเรียนหยุด พวกเขาก็คงต้องวางตารางการสอนใหม่ และระหว่างที่โรงเรียนปิด พวกเขาก็อาจไม่มีงานให้ทำเลย”
ในสวิทเซอร์แลนด์มีทางออกในเรื่องนี้ หลังการแสดงที่มีคนมากกว่าพันคนถูกห้าม การแสดงเล็กๆ ก็เข้ามาแทน แต่ถึงกระนั้นยอดขายตั๋วก็ “ลดลงอย่างน่ากลัว” ธีโอ ควิบิเลียร์ ตัวแทนของ Two Gentleman เผย “บางงานยอดขายลดลงถึง 50% ที่แย่ที่สุดบางงานก็นิ่งไปเลย” และ “พวกเรากำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เราไม่เคยเจอมาก่อน” เขาย้ำ “ศิลปินที่กำลังทัวร์ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำตามแผนได้ไหม ส่วนคนที่ยังไม่ทัวร์ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่ มีความกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากค่าโปรดัคชัน ที่เป็นผลจากการขึ้นแสดงในเมืองหรือประเทศที่เคยเป็นของตายไม่ได้ ทุกคนอยู่ในความมืดมน” และต่อให้เล่นได้ กฎเกณฑ์เรื่องการเดินทางและเรื่องสุขภาพ ก็ทำให้ต้องยกเลิก เช่นที่วงก็อธ เมทัล Lacuna Coil จากอิตาลีต้องเผชิญ “มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบกับวงและแฟนๆ เท่านั้น แต่รวมถึงคนอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นโปรโมเตอร์, เจ้าหน้าที่ทัวร์, ทีมเทคนิเชียน” คริสตินา สแค็บเบีย นักร้องนำของวงกล่าว “โชคไม่ดีที่ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะหลายๆ ไฟลท์อยู่ในสถานะเสี่ยง มีหลายประเทศมากที่จำกัดความเสี่ยงด้วยการไม่ให้คนอิตาเลียนเข้าประเทศ ด้วยความเป็นเหตุเป็นผล เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเล่นได้ในทุกๆ เมืองและยังทัวร์ด้วยกันได้”
แต่เธอก็เข้าใจดีว่า ผลกระทบต่อธุรกิจดนตรีเป็นเรื่องรองเมื่อเทียบกับชีวิตผู้คน “เรื่องที่สำคัญกว่าคือ เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ ภาวะฉุกเฉินต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ฉันยินดีที่จะทำทุกอย่างเพราะเป็นวิธีเดียวที่จะจำกัดมันได้ โคโรนาไวรัสไม่ได้หมายถึงความตายโดยอัตโนมัติ แต่มันทำอันตรายต่อผู้คนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อน เช่น คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือคนที่ป่วยมานาน เช่นผู้ป่วยโรคหัวใจ”
“การไม่แสดงความเสี่ยงต่อโควิด-19 หรือลดความสูญเสียของผู้คนจากผลกระทบที่ได้รับ เป็นเรื่องสำคัญ แต่เราต้องไม่พลาดเรื่องคำแนะนำทางสาธารณสุขล่าสุด ที่ว่า ต้องใจเย็นและเดินหน้าต่อไป” แพซิฟิโคกล่าว “ความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถส่งผลกระทบกับบริษัทเล็กๆ, ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ขาดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการรับมือกับความสูญเสีย และผลที่ตามมาจากการยกเลิกและความเสียหายทางธุรกิจ เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ให้ได้ จนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะมองว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น”
จากเรื่อง โคโรนาไวรัสกับวงการเพลง โดย นพปฎล พลศิลป์ เผยแพร่ครั้งแรก คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ -Happy Monday หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 23 มีนาคม 2563
[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]