![](https://www.sadaos.com/wp-content/uploads/2019/12/vinyl.jpg)
จากที่เคยมองกันว่าเป็นเพียงแฟชัน มาแล้วก็น่าจะไปในชั่วเวลาประเดี๋ยวประด๋าว มาถึงตอนนี้ ความนิยมของแผ่นไวนีลยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และจากที่เคยเป็นรองยอดขายซีดีมานาน นับตั้งแต่ปี 1986 ในที่สุดยอดขายแผ่นไวนีลกำลังจะแซงหน้าซีดี และน่าจะทำให้ยอดขายอัลบัมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยสำหรับนักบริโภคงานเพลงที่ยังต้องการการสัมผัสในขณะที่ฟังเสียงเพลง
สมาคมอุตสาหกรรมบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริการายงานว่า ในครึ่งแรกของปี 2019 แผ่นไวนีลทำรายได้เพิ่มจากเดิมอีก 4% โดยทำเงินไป 224.1 ล้านเหรียญจากยอดขายทั้งหมด 8.6 ล้านหน่วย ส่วนซีดีทำเงินไป 247.9 ล้านเหรียญจากยอดขาย 18.6 ล้านหน่วย ซึ่งหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การเติบโต จะพบว่า ไวนีลเติบโตถึง 12.8% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 และเพิ่มขึ้นอีก 12.9% ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2019 โดยในช่วงเดียวกันแม้ยอดขายของซีดีจะยังคงนำหน้าไวนีล แต่ด้วยการเติบโตที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา จนแทบจะไม่มีการขยับเลยก็ว่าได้ ทำให้คาดกันว่า ภายในสิ้นปีนี้ ยอดขายแผ่นไวนีลที่ครองตลาดถึง 1 ใน 3 ของรูปแบบการฟังเพลงแบบจับต้องได้ น่าจะแซงหน้าซีดีสำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อดูยอดขายซีดีในภาพรวมที่ลดลงจากเดิมถึง 3 เท่า สวนทางกับยอดขายของไวนีลที่เติบโตในอัตราพอๆ กัน
ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 ที่แผ่นเสียงทำรายได้มากกว่าซีดี โดยในปีนั้นอัลบัมขายดีก็ได้แก่ งานชุด True Blue ของมาดอนนา, Slippery When Wet ของ Bon Jovi และซาวนด์แทร็คหนังเรื่อง Top Gun
แต่ยอดขายของแผ่นไวนีลที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้หมายความว่า มีคนฟังเพลงในรูปแบบของดิจิตอลลดลงไปด้วย เพราะสตรีมิงยังคงเป็นรูปแบบการฟังยอดนิยม เมื่อในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 มีผู้สมัครใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 62% สร้างรายได้ถึง 80% ของอุตสาหกรรมดนตรี และเติบโตขึ้นกว่าเดิม 26% โดยสตรีมิงทำเงินให้กับวงการเพลงถึง 4.3 พันล้านเหรียญ ทุบยอดขายไวนีลและซีดีจนกลายเป็นตัวเลขจิ๊บจ๊อยไปในทันที เมื่อยอดขายของทั้งคู่ต่างก็ทำได้ไม่ถึง 10% ของตลาดเลยด้วยซ้ำ และสร้างรายได้รวมกันในตลาดเพียง 9% ซึ่งเท่ากับรายได้จากเพลงดิจิตอล ดาวน์โหลด
แต่ที่แตกต่างกันก็คือ การเติบโตของตลาดเพลงดิจิตอล ดาวน์โหลดยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
หันมาดูตลาดนอกสหรัฐอเมริกา ซีดียังเติบโตต่อไปได้อีก โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จากผลงานของศิลปินเค-ป็อป ที่ออกมาในรูปแบบของแผ่นพิเศษ กลายเป็นของสะสมในหมู่แฟนเพลง
นอกจากนี้การกลับมามีชีวิตใหม่ของแผ่นไวนีล น่าจะช่วยให้ศิลปินหลายๆ รายไม่ล้มหายตายไปจากอุตสาหกรรมดนตรี เพราะยังคงมีพื้นที่ให้กับพวกเขาได้ยืนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวงร็อคคลาสสิค อย่าง Fleetwood Mac, Led Zeppelin และ Queen ที่ต่างก็ทำยอดขายได้มากกว่า 100,000 ก็อปปี ในปี 2018 หรือ The Beatles ที่ทำยอดขายอัลบัมได้กว่า 300,000 ก็อปปีในปีเดียวกัน
แล้วโอกาสที่ซีดีจะกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งเป็นไปได้ไหม หลังยอดขายผลุบๆ โผล่ๆ มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนดูว่าน่าจะถึงจุดต่ำสุดของยอดขายซีดีในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว คำตอบคือมีโอกาส โดยเฉพาะเมื่อดูจากยอดขายอัลบัมใหม่ของวง Tool ที่ไปได้สวยในร้านขายแผ่นเพลงทั่วอเมริกา ที่หากมีงานที่ทำได้แบบนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ว่าในที่สุดแล้ว ตลาดของเพลงที่จับต้องได้ ยังคงมีลมหายใจและความแข็งแรง ที่เป็นการเติบโตร่วมกันทั้งของแผ่นไวนีลและซีดี
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ในที่สุด… ยอดขายแผ่นไวนีลในอเมริกากำลังจะแซงหน้าซีดี คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 11 กันยายน 2562