เมื่อปี 2003 วงร็อควงหนึ่งแจ้งเกิดได้อย่างงดงาม จากงานชุดแรก ที่ทำยอดขายไปได้ถึงกว่า 141,000 ก็อปปีในสัปดาห์แรกที่ออกวางขายเมื่อ 4 มีนาคม ขึ้นอันดับ 7 ชาร์ทบิลล์บอร์ด ก่อนจะทำยอดขายในเวลาต่อมาได้ถึง 17 ล้านก็อปปีทั่วโลก และเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ก็ขึ้นถึงอันดับ 3 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดที่ทำได้
[one_half][/one_half]
วงร็อควงนั้นชื่อ เอวาเนสเซนซ์ Evanescence) ส่วนอัลบั้มชุดที่ว่่าก็คือ Fallen งานเปิดตัวของวงดนตรีจากอาร์คันซอส์ที่ก่อตั้งขึ้นโดย นักร้องนำและมือเปียโนสาวของวง – เอมี ลี และมือกีตาร์ เบน มูดี ตั้งแต่ปี 1995
นอกจากยอดขาย Fallen ยังทำให้เอวาเนสเซนซ์เข้าชิงรางวัลแกรมมีครั้งที่ 46 ถึง 5 สาขา ซึ่งก็รวมรางวัลใหญ่ อย่าง อัลบั้มแห่งปี ด้วย โดยพวกเขากลับบ้านพร้อมกับรางวัล ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และวงฮาร์ดร็อคยอดเยี่ยม
ในแง่ของงานเพลง Fallen คืองานร็อค นู-เมทัล ที่ครบเครื่อง ทั้งเสน่ห์และความลงตัว พื้นดนตรีเป็นเมทัล ริฟฟ์คมๆ ที่ย่อยความหนักหน่วงลงมาแล้ว แต่ที่เด่นคือ โทนดนตรี และบรรยากาศของงาน ที่เป็นกอธิค ฟังล่องลอย หลอนๆ ใส่ความป็อปเข้ามาอย่างลงตัว ขณะที่เสียงร้องของเอมี ลี ก็มีแรงดึงดูดให้ฟังแบบติดหนึบอยู่กับเพลงของพวกเขาและเธอได้อย่างอยู่หมัด
จนโดนแซวว่าเป็นนู-เมทัล เรทพีจี ด้วยความที่ดนตรีฟังป็อปกว่าวงแนวทางเดียวกันทั้งหลาย
โดยเฉพาะ 4 เพลงสังหาร ที่เป็นซิงเกิลฮิตตอนอัลบั้มวางจำหน่าย Bring Me to Life, My Immortal, Going Under และ Everybody’s Fool ที่เอาตาย โดนสุดๆ โดย 2 เพลงแรกยังเป็นเพลงในอัลบั้มเพลงประกอบหนังเรื่อง Daredevil อีกด้วย และถือเป็นเพลงแจ้งเกิดเอวาเนสเซนซ์ อย่างเป็นทางการ เพลงแรกเป็นเพลงตามสูตรมาตรฐานนู-เมทัล ที่มักจะมีท่อนแร็ปเข้ามาแปะ แต่ด้วยเสียงร้องกร้าวๆ แต่สวยของลี กับโทนแบบกอธิคก็ทำให้เพลงนี้ หลุดพ้นจากการเป็นงานสูตรแบบดาดๆ ส่วน My Immortal ก็เป็นบัลลาดเศร้าๆ แต่ฟังจมความรู้สึก ที่ลีได้โชว์เสียงสวยๆ ที่มาเต็มในเรื่องอารมณ์ที่รับกับเสียงเปียโน และเครื่องสายที่รองเอาไว้ได้อย่าลงตัว
นี่คือเพลงที่แสดงให้เห็นถึงความงดงาม และอารมณ์บาดลึก แบบร็อคที่กินใจ และซึมเข้าไปข้างใน ได้อย่างชัดเจนเพลงหนึ่ง และน่าจะเป็นเพลงร็อคอมตะได้ไม่ยากเย็น
อัลบั้ม Fallen ดูจะหายๆ ไปจากบ้านเราอยู่พักใหญ่ และตอนนี้ยูนิเวอร์แซล มิวสิคก็ปั้มออกมาจำหน่ายอีกครั้งแล้ว และกับการฟังในช่วงเวลาที่ดนตรีนู-เมทัลไม่ใช่กระแสเหมือนตอนนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ และคุณค่าของงานชุดนี้ลดลง หรือเชย โดยเฉพาะถ้าได้มีโอกาสฟังงานชุดถัดมาของวง ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดถึงความเป็น “ที่สุด” ของงานชุดนี้ เพราะกับอัลบั้มต่อๆ มานั้น ดูเหมือนว่าเอวาเนสเซนซ์จะหลงทางอยู่ในความสำเร็จของตัวเอง
แต่กับอัลบั้ม Fallen นี่คือ My Immortal ของพวกเขา และรวมไปถึงวงการเพลง จริงๆ
จากเรื่อง การกลับมาของ Fallen อัลบั้มแจ้งเกิดของเอวาเนสเซนซ์ โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ 3 มิถุนายน 2557