ดูซีรี่ส์ Arrow อัศวินรัตติกาล ในร่างจอมขมังธนูชุดเขียว

#Arrow อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร ที่ก้าวออกจากภาพลายเส้นมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ดูมีชีวิตจิตใจมากขึ้นในจอโทรทัศน์ และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น กว่าตอนที่เป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูน หรือนิยายภาพ ที่แม้จะปรากฏตัวมาตั้งแต่ปี 1941 แอร์โรว์ หรือที่ในหนังสือการ์ตูนใช้ว่า กรีน แอร์โรว์ ก็เป็นได้แค่ตัวละครรองๆ ของเหล่าบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ในบ้านดีซี คอมิคส์ ซึ่งโดนปรับเปลี่ยนบทบาทที่มาอยู่หลายต่อหลายหน

เริ่มจากเป็นโอลิเวอร์ ควีน เศรษฐีใฝ่ดี ที่ออกปราบปรามอาชญากร ก่อนจะกลายเป็นคนที่สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง และทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ข้างถนนให้กับชนชั้นล่าง ตลอดจนบรรดาผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในยุค 60s พอยุค 70s ก็ต้องไปจับคู่กับ กรีน แลนเทิร์น ฮีโร่ชุดเขียวเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีการให้ลูกชายของโอลิเวอร์ ควีน มารับหน้าที่แทนพ่อในช่วงยุค 90s

ซึ่งทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงของตัวละครในแง่ของความสำเร็จ และความนิยม

จากการออกแบบตัวละคร ใส่ฮูด ใช้ธนู ออกปฏิบัติการด้วยการสวมชุดสีเขียว ไม่ต้องบอกคงรู้ว่ากรีน แอร์โรว์ ที่กลายมาเป็นแอร์โรว์ บนจอโทรทัศน์ของยุคนี้นั้น ได้รับอิทธิพลมาจากโรบิน ฮูด

แต่กับการขึ้นจอในยุค 2010s เรื่องราวของแอร์โรว์ได้รับอิทธิพลจากหนังชุด The Dark Knight Trilogy ของคริสโตเฟอร์ โนแลนอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงจะเป็นโอลิเวอร์ ควีน เด็กหนุ่มในครอบครัวเศรษฐี เจ้าของบริษัทใหญ่ ควีน คอนโซลิเดท คล้ายๆ กับต้นฉบับ แต่โอลิเวอร์ ควีนหรือแอร์โรว์ ก็ไม่ได้เป็นฮีโร่จ๋าๆ มีด้านมืด ด้านที่ไม่ใสสะอาดในตัว ยังมีความเห็นแก่ตัว อคติในแบบปุถุชนทั่วๆ ไป มีบาดแผลในจิตใจ จากความผิด และการไปรับรู้เรื่องราวบางอย่างของผู้ให้กำเนิด ที่ตกทอดมาเป็นความรับผิดชอบ ที่เขาต้องทำหน้าที่แก้ไขให้ถูกต้อง

จากเพลย์บอยลูกเศรษฐี ที่ชีวิตไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มีแฟนแต่ก็แอบกิ๊กกับพี่สาวแฟน แล้วอุบัติเหตุทางเรือก็ทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต โอลิเวอร์กับพ่อและลูกเรืออีกคนต้องอยู่บนเรือชูชีพ จนอาหารกำลังจะหมด พ่อตัดสินใจฆ่าลูกเรือ ก่อนยิงตัวตาย หลังสั่งเสียให้เขาถ้ารอดชีวิตไปได้ ช่วยแก้ไขความผิดพลาดที่ตัวเองทำเอาไว้ จากนั้นโอลิเวอร์ก็ไปติดอยู่เกาะ ใช้ชีวิตร่วมกับทหารชาวจีน ได้พบและเรียนรู้เรื่องราวมากมายบนที่นี่ ทั้งการก่อวินาศกรรมโดยกองทหารรับจ้าง ได้ฝึกวิชาการต่อสู้ และเอาตัวรอด ผ่านไป 5 ปี เขาถึงกลับมาอยู่ที่ สตาร์ลิง ซิตี ได้พบกับครอบครัว และแฟนสาวที่รู้แล้วว่า เขากับพี่สาวตัวเองแอบนอกใจเธอ ที่เขาพยายามไล่ถอนความผิด กลับมามีชีวิตกับเธอใหม่ แล้วกับคำสัญญาของพ่อ เขาตัดสินใจใช้ชีวิตในอีกมุมเป็น “ศาลเตี้ย” จัดการกับคนเลวที่มีชื่ออยู่ในบันทึกเล่มน้อยที่พ่อมอบให้ก่อนตาย

แต่ Arrow ยังมีแง่มุมต่างๆ อีกมากมาย ที่ถูกถักทอสานต่อเป็นเรื่อง เป็นราวได้อย่างน่าสนใจ ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของฮีโร่มีปัญหา ที่ออกปราบอาชญากรแต่เพียงฝั่งเดียว หนังยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆ ในครอบครัว และในชีวิตของโอลิเวอร์ ควีน ที่หายหน้าหายตาไปถึง 5 ปีจากการมีชีวิตอยู่ ที่แต่ละความสัมพันธ์ในวันนี้ ต่างย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีตก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุกับพ่อ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวกับเขา หรือแอร์โรว์ ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองอยู่ในตัว  ส่งให้หนังแตกแขนงกิ่งก้านเรื่องราวขยายออกไปได้มากมาย เสริมให้หนังดูมีเลือดเนื้อ ไม่ใช่มีแต่ตัวละครมิติแบนๆ

ขณะที่การเสียชีวิตของพ่อ ก็มีเบื้องหลังที่ลึกลับเกี่ยวพันกับภารกิจบางอย่าง ที่น่าตระหนกยิ่งกว่า แม่ของโอลิเวอร์ รวมไปถึงคนใกล้ตัวบางคนก็รับรู้เรื่องราวนี้ด้วยอีกต่างหาก ก็ยิ่งทำให้หนังซับซ้อน และมีเงื่อนปมที่น่าติดตาม ในอีกด้านหนึ่ง

ส่วนเหตุการณ์ 5 ปีบนเกาะร้าง ที่เปลี่ยนเพลย์บอยให้กลายเป็นฮีโร่ ก็ไม่ได้ถูกละเลย ทุกตอนของหนัง จะนำเสนอเรื่องราวในยุคปัจจุบันของโอลิเวอร์คู่ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะร้าง ที่นอกจากจะทำให้ได้รับรู้ปูมหลังของตัวละครในช่วงเวลาที่หล่นหาย ยังเผยที่มาของทัศนคติ วิธีคิด ประสบการณ์ที่โอลิเวอร์เอามาใช้ในอีกหลายปีต่อมา ตลอดจนพััฒนาการของตัวละคร เมื่อเจอสถานการณ์คล้ายๆ กัน แต่เวลา และประสบการณ์ รวมทั้งสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป

แม้จะดูหม่นๆ อาจจะดูมืดๆ จริงจัง แต่ก็ถึงกับเคร่งเครียด เพราะมีเวลาเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเรื่องโรแมนติค เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวเข้ามาเติมสีชมพูให้กับหนัง มีตัวละครที่เติมมุขเบาๆ เป็นอารมณ์ขัน อย่างทีมผู้ช่วยของโอลิเวอร์ ที่ค่อยๆ ประกอบรวมตัวกันทีละคน-สองคน รวมไปถึงความอบอุ่นของเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีให้สัมผัส

ทั้งหมดถูกจัดวาง เขียนบทสานต่อกันได้อย่างน่าติดตาม บ้างก็เอาเรื่องราวความรักมานำ บ้างก็หนักไปทางความลับของพ่อ บ้างก็ว่าด้วยภารกิจของแอร์โรว์ล้วน บ้างก็คือเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวเพียวร์ๆ โดยไม่มีขัดแย้งกันในตัวเอง หรือทำให้การเล่าเรื่องในภาพรวมเสียงจังหวะ บางครั้งอาจจะดูเหมือนตัวละครบางตัวถูกละเลย เรื่องในบางมุมถูกวางทิ้งไว้ แต่ในท้ายที่สุดหนังก็กลับมาเก็บสิ่งที่ค้างคาเอาไว้ได้จนเกือบหมด หากจะมีที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และน่าจะเก็บเกี่ยวได้เรียบร้อยกับงานในฤดูฉายต่อๆ ไป

จากที่ดูเผินๆ ก็แค่หนังฮีโร่ปราบเหล่าร้ายตอนละคน นอกจากจะมีมิติของเรื่อง มีสีสันของเนื้อหา มีการนำเสนอที่หลากหลายแล้ว ดูลึกๆ Arrow ก็คือ หนังฮีโร่ป่วยๆ ที่อยู่ท่ามกลางตัวละครที่ล้วนมีความเจ็บไข้ แบบที่ผู้คนในชีวิตจริงเป็น ไม่ต่างไปจากที่ The Dark Knight Trilogy นำเสนอ เพียงแต่กับความเป็นหนังโทรทัศน์โปรดัคชันอาจจะดูด้อยกว่าหนังใหญ่ แต่ไม่เลวร้ายเลยสำหรับการเป็นทีวีซีรี่ส์ ส่วนการคลี่คลายเรื่องราวอาจจะยืดยาวอยู่บ้าง ด้วยความที่ไม่ใช่แค่หนัง 2-3 ชั่วโมงจบ แต่เป็นซีรี่ส์ที่ว่ากันยาวๆ เป็นยี่สิบตอนขึ้น

ซึ่งก็ไม่ได้ถูกเล่า นำเสนอ ในแบบที่จืดชืด หรือน่าเบื่อแต่ประการใด

ARROW
พัฒนาโดย: เกร็ก เบอร์แลนติ, มาร์ค กุกเกนไฮม์, แอนดรูว์ ไครสเบิร์ก นักแสดง: สตีเฟน อเมลล์, แคตี แคสสิดี, โคลิน ดอนเนลล์, วิลลา ฮอลแลนด์, เดวิด แรมซีย์, ซูซานนา ธอมป์สัน, พอล แบล็คธอร์น

จากเรื่อง อัศวินรัตติกาล ในร่างจอมขมังธนูชุดเขียว โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 25 ฉบับที่ 7 เมษายน 2557