ครุฑ มหายุทธหิมพานต์: อีกครั้งที่แอนิเมชันไทยหยิบเอาสิ่งมีชีวิตในวรรณคดีมาเป็นตัวละคร ส่วนเรื่องราวก็คลับคลากับเหตุการณ์เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงหนที่สอง แต่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวละครที่วางเอาไว้ ซึ่งก็ถือว่าทำได้อย่างกลมกลืน กับเรื่องของการเสียเมืองเพราะมีไส้ศึกภายใน ที่ตัวละครหลักต้องหาทางรวบรวมกำลังพล ซึ่งรวมไปถึงขอความร่วมมือกับศัตรูที่ต่างคนต่างอยู่มานาน เพื่อกลับมาทวงเมืองคืน ที่แค่เล่าเรื่องเพลงเจ้าตากก็ดังลั่นอยู่ในหูเลยทีเดียว
โดยที่ระหว่างทางก็มีเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ตลอดจนเรื่องในทางโรแมนติคใส่เข้ามา ในมุมหนึ่งก็คือ ทำให้หนังมีมิติ มีสีสันที่มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลงลึก และอาจรู้สึกเป็นส่วนเกินที่สามารถตัดออกไปก็ยังได้ หากเท่าที่มีอยู่ก็ไม่ถึงกับพะรุงพะรังจนเกินไป และไม่ถึงกับกวนความเป็นหนังสงคราม หรือว่าหนังแอ็คชันของหนังมากนัก แต่ถ้าหนังให้เวลากับการคลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ก็น่าจะทำให้เรื่องเข้มข้นมากขึ้น เพราะจากที่เห็น ครุฑ มหายุทธหิมพานต์ ดูจะแก้และจบปัญหาต่างๆ ได้ง่ายดายเหลือเกิน และทำให้ความขึงขังของหนังไม่ได้เข้มข้นอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนอารมณ์ขันที่ใส่เข้ามา ก็น่าจะโดนผู้ชมเด็กๆ มากกว่าผู้ใหญ่ จังหวะในการเล่าเรื่อง ก็เหมือนอยู่ในระนาบเดียวกันไปหมดจนไม่รู้สึกถึง จุด ‘พีค’ ของหนัง
ที่สุดแล้วบทและการเล่าเรื่องก็ยังเป็นปัญหาสำคัญ
หากก็ทำได้ดีในเรื่องของการดีไซน์ตัวละคร แม้ในส่วนของภาพเคลื่อนไหวจะดูแข็งและไม่ลื่นไหลนัก แต่ก็พยายามสร้างภาพในมุมมองแปลกๆ ช่วยให้หนังดูหวือหวามากขึ้น และงานดนตรีประกอบก็สามารถเสริมตัวเรื่องให้ดู ‘ใหญ่’ ได้ เสียงพากย์ก็ทำได้ดี ไม่ทำให้ภาพขัดหูรู้สึกว่าเสียงขัดตามากมาย สมกับได้มือโปรหลายๆ คนมาให้เสียง
แม้จะไม่ลงตัวหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่น่าจะกระชับ งานด้านภาพที่น่าจะลื่นไหลกว่านี้ แต่ทุกอย่างที่เห็นถือว่า ครุฑ มหายุทธหิมพานต์ มีต้นทุนและวัตถุดิบที่ใช้ได้ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เหลือที่ต้องมาเติมก็คือ “ประสบการณ์” ซึ่งหมายความว่าต้องเดินหน้ากันต่อไป
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่