หนังไทยร้อยล้าน ที่หากดูชื่อนักแสดงแล้ว ก็อาจจะบอกว่ามีความเป็นไปได้ เพราะหนังมี ’ของ’ พร้อมเรียกผู้ชมอยู่ แต่กับการที่เปิดตัวฉายหลังโรงหนังกลับมาเปิดบริการอีกหนในช่วงหลังล็อกดาวน์รอบแรกๆ ก็ต้องบอกว่า ของที่หนังมี มันน่าจะมากกว่าชื่อชั้นดารา และหน้าตา เพราะไม่เช่นนั้น ผู้ชมคงไม่แห่แหนกันไปดูเยอะขนาดนี้ ที่ยังลากโรงด้วยการฉายได้ยาวๆ อีกต่างหาก
เรื่องราวของหนังว่ากันง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แรม (แพ็ท ณปภา) กับเรียม (เบลลา ราณี) เป็นพี่น้องสองสาวที่หน้าตาสะสวยไม่แพ้กัน แต่เพราะความที่แรมผู้เป็นพี่ ถึงพร้อมด้วยความเป็นกุลสตรี ดูดีกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน น้องสาวอย่างเรียม ที่กระโดกกระเดกเป็นเด็กทะโมนเลยถูกมองข้าม และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากแม่ ยิ่งพยายามเรียกร้องความสนใจ ก็ยิ่งเผยความไม่เอาไหนในความเป็นกุลสตรีของเธอให้แสดงออกมามากขึ้นไปอีก
แต่เมื่อพี่สาวกับแม่ถูกโจรจับไป โดยยื่นเงื่อนไขว่า เรียมต้องเอาตัวเองมาแลกกลับไป เรียมที่ได้เห็นความพยายามปกป้องเธอของแม่กับพี่สาว ก็ได้รู้ว่าทั้งคู่แม้จะดุด่าว่ากล่าวเธอเป็นประจำ หรือบางครั้งก็มองข้าม หากจริงๆ แล้วรักและเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน เลยตัดสินใจบุกไปช่วย โดยแก๊งก๊วนของเธอ ศร (ค่อม ชวนชื่น), โต (โรเบิร์ต สายควัน) และหมอ (บอล เชิญยิ้ม) เดินทางไปด้วย
และการเดินทางไปช่วยแม่กับพี่สาวของเรียม ก็กลายเป็นที่มาของมุกฮาอย่างต่อเนื่องที่อัดแน่นในตอนท้ายของหนัง ก่อนจะจบเรื่องราวแบบ ‘นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…’ ในตอนท้าย
หากจะเอาความซับซ้อน หรือลูกเล่นในการเล่าเรื่อง ‘อีเรียมซิ่ง’ ไม่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ เพราะเรื่องราวนอกจากจะมากันแบบทื่อๆ ง่ายๆ ก็มีจุดอ่อนในเรื่องของบทมากมาย แต่ส่วนหนึ่งก็ให้อภัยและมองข้ามได้ เมื่อหนังวางลักษณะการแสดงของตัวละครไว้ไม่ต่างไปจากตัวการ์ตูน และใช้ประโยชน์จากตรงนี้อย่างเต็มที่ เมื่อใส่มุกตลกเข้ามาโดยที่ไม่ต้องมองไปถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องราว หรือตัวละคร ที่กลายเป็นการสร้างยุคสมัยของตัวเองขึ้นมา เช่นเดียวกับที่พี่มากพระโขนงทำไว้ เช่น การทำบีทบ็อกซ์ ในยุคสมัยอย่างที่เห็นในหนัง
ที่สำคัญบรรดานักแสดงที่มาเล่น ก็ให้ใจกันเต็มที่ เบลลา ราณีขึ้นจอโดยไม่มีห่วงสวย เหมือนกับเล่นเอามันส์ เน้นความสะใจเข้าว่า และทำให้เรียม กลายเป็นนางเอกหนังไทยน้อยราย ที่ขึ้นจอครบในเรื่องการใช้งาน ทั้งนางเอก, นางอิจฉา และตัวตลก โดยที่ไม่ต้องห่วงบรรดาลูกคู่ อย่าง น้าค่อม, โรเบิร์ต และบอล ที่ปกติเล่นตลกทีมเดียวกัน รับ-ส่งกันได้อย่างสนุกสนานกลมกลืนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
ที่น่าสนใจก็คือ บทแรมของแพท ณปภา ที่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เรียบร้อยเป็นกุลสตรี เป็นผ้าพับไว้อย่างที่เห็น เพราะเอาเข้าจริงๆ หลายฉากของหนัง ก็แสดงให้เห็นว่าตัวละครรายนี้ ‘แสบ’ ไม่แพ้น้องสาว เพียงแต่เป็นอีแอบที่ซ่อนเก็บเอาไว้ เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนข้างใน แม้หนังจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในทางดรามา หรือว่านำเสนออย่างจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็กลายเป็นมุกหักมุมได้ในหลายๆ สถานการณ์ของหนัง
ที่น่าจะแรงกว่ามุกที่ตั้งใจหักกันจริงๆ ในตอนท้าย เพราะเชื่อว่า หลายๆ คนน่าจะเดาได้ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า ที่พอหนังเล่นมุกแบบนี้จริงๆ คงมีคนเข่าแดงเพราะโดนตัวเองตบ พร้อมกับอุทานว่า “กูว่าแล้ว” ไม่น้อยเลย แต่ก็น่าจะทำให้แฟนๆ ละครทั้งหลายได้อมยิ้มเดินออกจากโรงส่งท้าย หรืออ่านเครดิตท้ายเรื่องไป ม้วนต้วนไป
ด้วยหน้าหนังที่เรียกคนได้ และให้ความบันเทิงได้อย่างที่คนต้องการ ขายในสิ่งที่ตัวเองมีดีอย่างเต็มที่ และอย่างที่เห็น ขายได้ด้วย ‘อีเรียมซิ่ง’ เลยกลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของโรงภาพยนตร์ในช่วงกลับมาเปิดหลังโดนโควิดเล่นงาน รวมถึงเป็นการแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า หนังหากเล่าเรื่องสนุก พวกความจริงจัง หนักแน่น ความสมเหตุสมผลทั้งหลาย มันก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกซุกไว้ใต้เบาะนั่ง และต่อให้เป็นสายจริงจังขนาดไหน ก็พร้อมจะให้อภัย
(อีเรียมซิ่ง ทาง เน็ตฟลิกซ์)
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1330 ปักษ์หลังมิถุนายน 2564
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่