300: RISE OF AN EMPIRE: จากภาคแรกที่ถือว่าจัดเต็มในยุคนั้น ทั้งความดุเดือด เลือดสาด และสไตล์ด้านภาพที่กลายเป็นลักษณะเฉพาะ กลับมาครั้งนี้ หนังมาพร้อมกับตัวเรื่องที่เยอะ และซับซ้อนกว่าเดิม เหตุการณ์มีทั้งเรื่องราวก่อน, เรื่องราวหลัง และเรื่องราวในเวลาเดียวกันกับ 300 ที่ตัดหนังภาคแรกเสียบเข้ามาได้พอดี
รวมไปถึงใส่ความเป็นมาเป็นไปของตัวละครฝั่งเปอร์เซียเข้ามา ทำให้ตัวละครของภาคนี้ดูหนักแน่น แล้วความสัมพันธ์ที่หลากหลาย ก็พาให้หนังมีมิติกว่าเดิม ตัวละครมีความลึกในบางแง่มุมมากขึ้น โดยเสน่ห์จากสไตล์ด้านภาพไม่หายไปไหน แถมหนังจะดู “ใหญ่” กว่าเดิม ทั้งในแง่โปรดัคชัน และความโหด ดิบ ชนิดที่ออกจากโรงมากินลาบเลือด สั่งแบบไม่ใส่เลือดก็ยังได้ ที่สำคัญกับสมรภูมิที่เป็นในท้องน้ำ สร้างความแตกต่างของหนังภาคนี้กับภาคแรกได้อย่างชัดเจน คนดูไม่รู้สึกว่าเป็นการทำซ้ำ และยังคงตื่นเต้นกับงานด้านภาพได้อย่างที่เคยเป็น
ที่สำคัญ แม้จะเต็มไปด้วยมัดกล้าม และผู้ชาย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว แรงขับของหนังภาคนี้ คือแรงแค้น พลังอาฆาตของอิสตรี และไม่แปลกที่ศูนย์กลางของหนัง และความโดดเด่นจะตกไปอยู่ที่ เอวา กรีน เจ้าของบทอาร์เทมีเซีย
ถ้าตัดความสด และความเป็นต้นแบบของ 300 ทิ้งไป 300: Rise Of An Empire ถึงใจ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ไม่แพ้กัน
โดย นพปฎล พลศิลป์