FAST & FURIOUS 6: หลังพาหนังกลายเป็นหนังแอ็คชั่น อาชญากรรม สไตล์หนัง “ฉก” จัสติน ลิน ขยับเรื่องราวของ Fast & Furious อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการพลิกฝั่งของตัวละคร และขยายขอบเขตของหนังออกไปอีกจนกลายเป็นหนังจารกรรม แอ็คชั่น ที่เน้นฉากไล่ล่าบนท้องถนน กับประเด็นเรื่องมิตรภาพ และครอบครัวกันเต็มที่
แต่เนื้อหาของหนังกลับขาดหายส่วนสำคัญหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น พัฒนาการ หรือความสัมพันธ์ของตัวละคร การคลี่คลายเงื่อนปมของหนังที่พยายามซับและซ้อน แต่พอเฉลยก็ว่ากันมาง่ายๆ การสืบสานอะไรไปของตัวละคร ก็จบลงด้วยจู่ๆ คำตอบก็มาเอง บทสนทนาที่กะเท่ ก็เป็นตลกซะเยอะ และรู้สึกได้ว่าตั้งใจ “ประดิษฐ์” กันเต็มที่ ส่วนมุขเบาๆ ที่ใส่เข้ามา ก็ถือว่าเอา “ฮา” ได้อยู่ แต่อย่างไปรำลึกถึงคุณภาพการแสดงโดยเด็ดขาด
แม้จะเปิดด้วยฉากแอ็คชั่น แต่หนังก็มาแบบอืดๆ ในช่วงต้น ก่อนจะกระชุ่มกระชวยในช่วงกลางๆ โดยมีฉากไล่ล่าบนไฮ-เวย์ด้วยรถถังฉากเดียวด้วยซ้ำ ที่สร้างความตื่นตา ตื่นใจได้ ส่วนฉากแอ็คชั่นสุดท้ายในสนามบินที่ยืดยาวนั้น นอกจากจะดูลำบากว่าใครเป็นใครแล้ว ยังทำให้เสน่ห์ในแบบ Fast & Furious ที่ต้องปิดด้วยฉากแอ็คชั่นไล่ล่าด้วยรถซิ่งแบบมหากาฬหาย จนหนังไม่ต่างไปจากงานหนังแอ็คชั่นใหญ่ๆ ทั่วๆ ไป
อาจจะดูเพลินได้หากไม่คิดอะไรมาก แต่กับคุณภาพ Fast & Furious 6 ทำให้หนังภาค 5 กลายเป็นงานในระดับ The Dark Knight โดยที่ตัวเองก็ไม่ใช่ The Dark Knight Rises อีกต่างหาก
โดย นพปฎล พลศิลป์