Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว: LITTLE WOMEN เรื่องของหัวใจ งานคลาสสิคกับการเล่าเรื่องใหม่ ที่ชัดเจน และใช่ในบางมุมมากกว่าเดิม

Little Women วรรณกรรมชิ้นเอกของหลุยส์ เมย์ อัลค็อทท์ เป็นหนังสืออีกเรื่องหนึ่งที่ถูกจับมาทำเป็นมหรสพในรูปแบบต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ทั้งเป็นหนังจอใหญ่ ทั้งหนังจอเล็กที่มีทั้งภาพยนตร์เรื่องยาว และซีรีส์ ไหนจะไปขึ้นเวทีละคร, โอเปรา แล้วหากจำไม่ผิดก็เคยมีเป็นการ์ตูน และอะนิเมะซีรีส์มาแล้วด้วยซ้ำ หรือยากชมฉบับบอลลีวูดก็มี แถมเป็นซีรีส์อีกต่างหาก

แล้วก่อนจะมีหนังฉบับนี้ของเกรตา เกอร์วิก สดๆ ร้อนๆ ในปี 2018 ที่นิยายอายุครบ 150 ปี ก็มีงานของผู้กำกับหน้าใหม่ แคลร์ ไนอีเดอร์พรูม ออกฉาย โดยปรับให้เรื่องเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน นักแสดงที่คุ้นชื่อก็มีแค่ ลีอา ธอมป์สัน แม่ของมาร์ตี แม็คฟลายใน Back to the Future คนเดียว ส่วนการตอบรับก็ไม่สมเป็นหนังที่ฉายในวาระครบรอบ 150 ปีของหนังสือ เมื่อคำวิจารณ์ย่ำ รายได้แย่

ผิดกับงานของเกรตา เกอร์วิก ที่นอกจากจะเห็นเธอขึ้นชั้นไปอีกระดับจาก Lady Bird งานกำกับเรื่องแรกแล้ว หนังยังไปได้สวยในทุกมุมมอง นักวิจารณ์รัก คนดูชอบ เวทีรางวัลสนใจ คล้ายๆ กับฉบับของผู้กำกับจิลเลียน อาร์มสตรองตอนปี 1994 ที่จะว่าไป ภาพลักษณ์ของหนังสองฉบับนี้ก็มีอะไรคลับคลากันไม่น้อย เป็นงานของผู้กำกับหญิง ที่ทำงานให้น้ำหนักกับตัวละครหญิงเป็นพิเศษทั้งคู่ เป็นหนังรวมดาราในระดับที่สูสีกัน ปี 1994 มีทรินี อัลวาราโด, วิโนนา ไรเดอร์, แคลร์ เดนส์ และ ซาแมนธา แมธิสกับเคิร์สเตน ดันสท์ เป็นสี่สาว มีหนุ่มๆ เป็นคริสเตียน เบล, เอริค สตอลท์ซ, แกเบรียล เบิร์น และซูซาน ซาแรนดอนเป็นมาร์มี พอเป็นปี 2019 ก็ได้ เอ็มมา วัทสัน, เซอร์ชา โรแนน, เอลิซา สแคนเลน และฟลอเรนซ์ พิวจ์ เป็นสี่ดรุณี, มีลอรา เดิร์นเป็นแม่ ฝ่ายชายอาจจะแพ้เมื่อมีธิโมธี ชาลาเมท์ชูโรงอยู่คนเดียว แต่กำลังเสริม เกอร์วิกมีทั้งเมอรีล สตรีพ และคริส คูเปอร์เลยทีเดียว

แต่นั่นก็แค่ความคล้ายคลึงจากภายนอก เพราะงานของเกอร์วิกไม่ได้นำเสนอแค่เรื่องการเติบโตผ่านช่วงเวลาต่างๆ การเผชิญหน้าและเอาชนะปัญหาในชีวิตของสี่สาว ที่มีเรื่องเฟมินิสท์แทรกเอาไว้ หากเธอเลือกจะนำเสนอประเด็นในเรื่องสิทธิสตรีออกมาอย่างชัดเจนมากกว่า ผ่านตัวละครโจ ของเซอร์ชา โรแนน ที่กลายเป็นศูนย์กลางในการเล่าเรื่องอย่างชัดเจน แล้วยังสามารถสะท้อนมุมมองในเรื่องนี้ผ่านตัวละครอื่นๆ ในเรื่องได้อีก

ขณะที่โจ เป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงเก่ง ในโลกยุคใหม่ เลือกจะเดินตามความฝันมากกว่าหัวใจ ด้วยการบอกปัดคำขอแต่งงานจากคนที่เธอก็รู้สึกดีด้วยเพื่อสร้างครอบครัว แล้วก็ไปเป็นนักเขียน ไปทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง พี่และน้องๆ ของเธอต่างก็หลุดไม่พ้นการเป็นผู้หญิงในโลกเก่า เม็ก (วัทสัน) ตัดสินใจแต่งงาน เป็นแม่บ้าน เป็นช้างเท้าหลังที่ดีของสามี, เบ็ธ (สแคลเลน) แม้การป่วยกระเสาะกระแสะจะทำให้เธอมีขีดจำกัด แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้านั้น เธอก็คือลูกสาวแสนดีที่ทำตามคำสั่งของแม่อย่างเคร่งครัด และไม่ได้อยากจะไปไหนไกลจากเปียโนในบ้าน ส่วนเอมีน้องเล็ก (พิวจ์) แม้จะมีความทะเยอทะยาน แต่ก็ปราศจากความมุ่งมั่น ทั้งที่โอกาสเปิดกว้างมากกว่าโจด้วยซ้ำ หากท้ายที่สุดเธอก็เลือกเป็นภรรยามากกว่าเป็นศิลปิน

ถึงจะชูเรื่องเฟมินิสท์นำมา แต่เกอร์วิกก็ทำให้ Little Women ของตัวเอง ไม่ใช่หนังที่ผู้หญิงทำ ผู้หญิงดู เพราะถ้ามองด้วยสายตาของมนุษย์ปุถุชน นี่ก็คือหนังว่าด้วยใครคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยระหว่างทางมีขวากหนามคอยทิ่มแทงเป็นระยะ แต่เธอก็ไปถึงฝั่งฝันจนสำเร็จ ด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง และแรงขับจากครอบครัวเป็นกำลังหนุนสำคัญ ทำให้ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง จากแม่ที่พร่ำสอนมาเป็นอย่างดี หรือเบ็ธ-น้องสาวที่ทั้งทำให้เธอลุกขึ้นมาได้ และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับเรื่องที่เธอเล่า ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่จับใจผู้คน โดยที่ไม่ใช่เรื่องราวที่อยู่ไกลตัวจากเธอหรือน้องๆ ไปไหนเลย

หากโจคือศูนย์กลางของหนัง เบ็ธก็ไม่ต่างไปจากศูนย์กลางของครอบครัวมาร์ช ที่หลายๆ ต่อหลายครั้ง เธอทำให้ทุกคนมาอยู่รวมกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เมื่อรวมกับการเล่าเรื่องที่ตัดสลับไปมาระหว่างชีวิตในปัจจุบันกับวันวานในอดีต ที่ทั้งขนาน ทั้งทาบทับ หรือมีจุดตัดกัน ที่หลายๆ ครั้งคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของตัวละคร ทำให้ Little Women ของเกอร์วิก มีการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง คมคาย ดูสนุก มีสถานการณ์ที่พลิกผันไปมา แม้อาจจะรู้สึกว่า การต่อรองของโจในตอนท้ายกับใครบางคนเพื่ออะไรบางอย่าง ทื่อ และตรงไปอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการกระทำที่รับกับลักษณะของตัวละครที่นำเสนอมาตั้งแต่ต้น ถ้านำเสนอได้อย่างถูกจังหวะหรือมีลูกเล่นมากกว่าที่เห็นน่าจะดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ เป็นเพียงรอยด่างจุดเล็กๆ ของหนัง ที่บางทีอาจเป็นบางอย่างที่ตัวเจ้าของงานอยากจะเน้น เลยทำออกมาอย่างที่เป็น

ซึ่งก็โดดเด้งออกมาสมใจ

งานโปรดัคชันของหนังดีงาม จนละเลยการพูดถึงไม่ได้ ภาพให้ความรู้สึกราวกับภาพวาด ดนตรีประกอบของอเล็กซองดร์ เดสพลาท์สวยงามไม่แพ้กัน กับงานแสดงธิโมธี ชาลาเมท์ อาจจะทำให้ตะขิดตะขวงใจกับการเป็นลอรีในช่วงที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่โดยรวมๆ ก็ไม่น่าผิดหวัง ที่เซอร์ไพรส์ก็คือสาวๆ ทั้งสี่ ที่เป็นสี่ดรุณีในแบบของตัวเองหรือของยุค 2010s ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเซอร์ชา โรแนน ที่นอกจากบทจะทำให้ตัวละครคลี่คลายตัวเองจากการเป็นผู้หญิงแข็งๆ ที่ยึดกับแนวคิดของตัวเอง มาเป็นคนที่ประนีประนอมกับโลกและหัวใจตัวเองมากขึ้นได้ดี โรแนนยังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับโจได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน นอกเหนือไปจากแสดงถึงการเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน รวมถึงปากไม่ตรงกับใจในหลายๆ สถานการณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ท้ายที่สุด โจก็ทำในสิ่งที่ตรงกับใจ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปตามความต้องการของสมอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะแพ้กับความเป็นไปของผู้หญิงที่สังคมกำหนดบทบาทเอาไว้ให้ เพราะในอีกการต่อสู้กับการยอมรับของสังคม โจทำสำเร็จ

ที่หากมองในมุมผู้ชายๆ อย่างเราๆ ก็ราวกับจะบอกว่า ในความเป็นเฟมินิสท์ มันก็ต้องมีอะไรบ้างที่เป็นข้อยกเว้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของความรัก และหัวใจ บางทีมันก็ต้องให้เป็นไปตามนั้นแหละ

โดย นพปฎล พลศิลป์ จาก www.gqthailand.com วันที่ 9 มกราคม 2563

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.