THE HOBBIT: THE DESOLATION OF SMAUG: ภาคต่อของ The Hobbit: An Unexpected Journey ที่แม้จะไม่ต้องเสียเวล่ำ เวลาปูเรื่อง ปูราวอะไรให้มากมาย ก็ยังยืดยาวไปได้จนถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที แต่ก็ไม่รู้สึกว่าหนังอืดอาด ยืดยาด ท่ามาก เหมือนกับภาคก่อนหน้า ด้วยความที่มีพล็อตรองมากมายหลายสายให้ได้ติดตาม และการเล่าเรื่องที่ฉับไวมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงท้าย ที่เล่าเรื่องแบบสลับเหตุการณ์ไปมา ที่แต่ละเรื่องก็มีความน่าตื่นเต้น น่าติดตาม ไม่แพ้กัน ทำให้หนังมีนิ่ง มีความความเคลื่อนไหว เพราะสถานการณ์ต่างๆ ที่ถูกยกใส่เข้ามา ก็สามารถพลิกผันไปได้หลากทิศ หลายทาง
ในขณะเดียวกัน หลายๆ ฉากก็มาพร้อมกับความน่าตื่นตา โดยเฉพาะการปรากฏตัวของมังกรสม็อก ที่ทำออกมาได้สมราคาคุย ส่วนฉากไล่ล่าระหว่างออร์คและคนแคระในป่าเมิร์ควู้ด ก็สนุก ทำให้เกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวยในการรับชมขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะนักแสดง ตัวละคร ใหม่ๆ ที่เสริมเข้ามา ก็ช่วยปรุงแต่งเสน่ห์ให้กับหนังได้เยอะ โดยเฉพาะ เอวานเจลีน ลิลลี ในบททอรีล ที่ทำให้หนังมีความแช่มชื่นขึ้นมาบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะออกมาแบบไม่มีที่ติ ฉากแอ็คชันต่างๆ โดยเฉพาะ ฉากจำนรรจาระหว่างบิลโบกับสม็อก ก็ดูจะเยอะ และยาวไปเแยะ ถ้าลดทอนฉากประดามีเหล่านี้ให้สั้นลงได้ หนังน่าจะกระชับขึ้น และสนุกมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนการเคลื่อนกล้อง ที่เหมือนแทนสายตาผู้ชม ลัดเลาะไปตามซอกหลืบต่างๆ ดูจะใช้มากจนเฝือ ส่วนภาพมุมกว้าง จากที่สูงนแบบ Bird Eye View ที่ราวกับเป็นสปอตสั้น แทรกขายทัวร์นิว ซีแลนด์ก็ลดทอนไปเยอะ
ไม่ถึงกับประทับใจ แต่ก็ดูสนุก และกล้าบอกให้ใครๆ ไปดูกว่า ภาคแรกของหนัง อย่างเต็มใจ
โดย นพปฎล พลศิลป์