Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว – THE MULE งานที่ยังมีไฟของชายที่ชื่อคลินท์ อีสท์วูด

THE MULE: เอิร์ล สโตน คืออดีตชาวสวนดอกลิลลีที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเป็นเจ้าของพันธุ์ดอกลิลลีระดับรางวัล ที่ใครๆ ก็ต้องการไม่ว่าจะเป็นดอกหรือต้น แต่นั่นคือช่วงเวลาก่อนอินเตอร์เน็ทจะก้าวเข้ามาในตลาดซื้อขาย และทำให้ชาวสวนอย่างเอิร์ลอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านถูกยึด และชีวิตเคว้งคว้างไม่มีที่ไป แต่เมื่อไปงานเลี้ยงก่อนแต่งงานของหลานสาว เอิร์ลก็ได้รับคำแนะนำเรื่องงานจากแขกคนหนึ่ง และนั่นก็นำชีวิตของเขาไปสู่ด้านมืดของการทำงาน แต่เป็นมุมที่รุ่งโรจน์ทางการเงิน

 

เอิร์ลกลายเป็นคนส่งยาให้แก๊งมาเฟียเม็กซิกัน เจ้าของฉายา ‘ป๊ะป๋า’ ที่ทุบสถิติส่งยาได้แทบทุกเที่ยวที่ทำงาน แม้จะเป็นการเดินทางที่เอาแต่ใจ ไม่เป็นไปตามเส้นทางและเวลาตามที่แก๊งกำหนด หากทุกอย่างก็ดูราบลื่น จนเกิดเหตุขัดแย้งในองค์กร ผู้มีอำนาจรายใหม่ไม่แฮปปีกับการทำงานที่ไม่มีแบบแผนของเอิร์ล ขณะที่เจ้าหน้าที่ปปส. ก็ได้กลิ่นของป๊ะป๋า เส้นทางชีวิตที่ดูสวยงามของผู้ชายวัย 80 ก็ไม่ได้โรยด้วยดอกลิลลีอีกต่อไป

พล็อตอาจจะเหมือนๆ หนังแอ็คชัน-ดรามา ที่ว่าด้วยคนๆ หนึ่งที่ชีวิตเข้าตาจน เลยต้องโดดเข้าสู่โลกอาชญากรรม ที่ผลตอบแทนมันหอมหวานจนยากจะสลัดออก แต่ที่ทำให้น่าสนใจก็คือตัวละครรายนี้ไม่ใช่วัยรุ่นๆ หรือกลางคน แต่อยู่ในสภาพที่เรียกว่าชายชราได้เต็มปาก ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หนังมีที่มาจากเรื่องจริงของ ลีโอ ชาร์ป อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สอง ที่กลายเป็นคนส่งยาให้กับแก๊งละติน – เดอะ ซินาเลา ตอนที่อายุปาเข้าไป 90 ปี ซึ่งเรื่องราวของเขากลายมาเป็นบทความในเดอะ นิวยอร์ค ไทม์ส โดยแซม ดอลนิค ที่เป็นต้นทางของบทหนังเรื่องนี้อีกที

หนังมีเรื่องการเกาะติดภารกิจของเอิร์ล ทั้งจากเจ้าหน้าที่ปปส. และแก๊งมาเฟีย ที่ทำให้ได้ลุ้นกันว่า เขาจะหนีเงื้อมมือเจ้าหน้าที่พ้นหรือเปล่า? หรือแก๊งเม็กซิกันจะจัดการกับชายแก่ขนยานอกคอกของพวกเขายังไง? โดยก่อนหน้าจะมาถึงเหตุการณ์ตรงนี้ The Mule ก็มีเรื่องให้ได้ตื่นเต้นแบบนิ่มๆ เป็นพักๆ กับการขนยาในแต่ละเที่ยวของเอิิร์ล ที่ด้วยประสบการณ์ชีวิต ต้นทุนที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี รวมไปถึงไหวพริบที่มี ก็ทำให้เขาหลุดรอดจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาได้ตลอด

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็คือความบันเทิง ที่หนังซึ่งดูเรียบเรื่อย เรื่องนี้มอบให้กับผู้ชม เปรียบเสมือนความเคลื่อนไหว ที่อยู่ผ่านใต้เรื่องราวที่เดินนวยนาด แล้วก็ยังปิดทับเนื้อหาจริงๆ ที่หนังต้องการเล่า ประเด็นหลักๆ ที่หนังต้องการนำเสนอเอาไว้

The Mule ไม่ใช่หนังที่ว่าด้วยการเอาตัวรอดของเด็ก (เฒ่า) ขนยา แต่เป็นเรื่องของคนที่ได้โอกาสครั้งที่สอง (หรือครั้งสุดท้าย) ในการใช้ชีวิตกับครอบครัวที่เขามองข้ามมาตลอด หลังเลือกให้ความสำคัญกับงานเป็นอย่างแรกมาทั้งชีวิต จนละเลยเรื่องง่ายๆ ที่สามารถทำได้เพื่อคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานสำคัญๆ ในชีวิตของลูกสาวเพียงคนเดียว การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ของบ้าน ขณะที่เอิร์ลคือคนที่ถูกคนได้รับการยกย่องจากสังคม แต่กับผู้คนในครอบครัวแล้ว เขาไม่ต่างไปจากสมาชิกผู้ห่างเหิน ชายที่ถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ควรค่าแก่การละเลย

แต่แล้วในช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังจะเข้าตาจนโดยไม่รู้ตัว เอิร์ลก็ได้รับโอกาสให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว หรือไถ่โทษที่ทำไว้กับพวกเขาอีกครั้ง ที่สำหรับผู้ชมอาจจะรู้สึกมากไปกว่านั้นว่า นี่อาจจะเป็น ‘หนสุดท้าย’ ในการไถ่ถอนความผิดพลาดที่เขาทำเอาไว้จากอดีตด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดนี่คือ งานที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของ ‘ครอบครัว’ สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่พร้อมจะทำความเข้าใจ และให้อภัย รวมไปถึงหนุนหลังเรา

ในเวลาเดียวกัน The Mule ยังบอกเล่าถึงชีวิต หรือสิ่งเก่าๆ ที่ถึงเวลาอำลา หากไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เจออุปสรรคจากเทคโนโลยีใหม่ๆ สังคมหรือผู้คนในโลกเก่า ที่ลดน้อยถอยจำนวนลงจนไม่อาจจะโอบอุ้มความสุขที่ตัวเองคุ้นเคยเอาไว้ได้ แม้จะฟังดูเศร้า แต่หนังก็มาพร้อมกับความอบอุ่น จากการเล่าเรื่องในบรรยากาศเบาๆ เคล้าอารมณ์ขัน การเล่าเรื่องอาจจะดูอ้อยอิ่ง แต่ก็ให้ความรู้สึกรื่นรมย์ จนเป็นงานเรียบๆ ที่ดูเพลิน โดยเฉพาะการแสดงของคลินท์ อีสท์วูด ที่รับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ด้วย

ปู่คลินท์รับบทที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะ ซึ่งไม่ใช่แค่เพราะวัย เพราะภาพลักษณ์เท่านั้น เมื่อให้ภาพของชายชราที่เปลี่ยนจากคนหมดไฟ กลายเป็นคนที่สนุกกับชีวิตอีกครั้ง ผ่านการทำงานเสี่ยงอันตรายได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และในเวลาเดียวกันก็เป็นคนปากหนัก ที่แม้จะรู้สึก ‘ผิด’ กับภรรยา, ลูกสาว และหลานสาว จากการกระทำของตัวเองในอดีต ก็ยังไม่มีปริปากคำขอโทษออกมาให้ได้ยิน จนทุกอย่างแทบจะสายเกินไป

คลินท์ไม่ใช่แค่เล่นได้ดี แต่ยังเอาอยู่ในแบบที่อุ้มหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้

จนรู้สึกเสียดายที่ไม่มีชื่อของปู่ติดเวทีรางวัลบ้างเลย กระทั่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงก็ยังดี

ขณะที่นักแสดงคนอื่นๆ ก็เป็นกำลังสมทบที่ดี โดยเฉพาะไดแอน วีสท์ ในบทภรรยาของเอิร์ล ผู้รอวันที่สามียอมรับความผิดพลาดที่ผ่านมาของตัวเอง กับแบรดลีย์ คูเปอร์ เจ้าหน้าที่ปปส. ที่ได้เรียนรู้ความผิดพลาดบางอย่างของชีวิตจากเอิร์ล เพื่อที่จะไม่ทำผิดพลาดเช่นที่เขาทำ

หลังจากที่ให้ลุ้นกันแบบเบาๆ เซอร์ไพรส์หรือเปล่ากับชะตากรรมของตัวละคร ก็คงต้องบอกว่าไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษในตอนท้าย แม้จะไม่ได้จบลงแบบแฮปปี เอนดิงนัก แต่ก็เป็นบทสรุปในแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งสามารถปิดฉากเรื่องราวลงได้อย่างสวยงาม ที่ทำให้ไม่ใช่แค่ตัวละครเหมือนได้ปลดอะไรหนักๆ ออกจากบ่า

ผู้ชมก็คลับคล้ายคลับคลากัน

ผู้กำกับ: คลินท์ อีสท์วูด นักแสดง: คลินท์ อีสท์วูด, แบรดลีย์ คูเปอร์, ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น, ไดแอน วีสท์, ไมเคิล พีญา, แอนดี การ์เซีย

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 30 ฉบับที่ 11 สิงหาคม 2562

What is your reaction?

Excited
0
Happy
1
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.