THE PURGE: เปิดตัวกันตั้งแต่ยังไม่เห็นหนัง ด้วยคอนเซ็ปท์ที่น่าสนใจ “เมื่อรัฐบาลเปิดให้ 1 คืนใน 1 ปี ประชาชนสามารถก่ออาชญากรรมได้โดยที่ไม่ผิดกฏหมาย ซึ่งส่งผลให้อัตราการก่ออาชญากรรมลดลง จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ คนในบ้านคุณเปิดรับเป้าสังหารเข้ามาอยู่ในบ้าน”
ผลลัพธ์ที่ตามมานั้น เดาไม่ยาก ทุกอย่างไม่อยู่เหนือการคาดหมาย มาตามกรอบของหนังเขย่าขวัญ อย่างที่คุ้นเคยกัน แต่ที่ต้องยกนิ้วให้ก็คือ การวางจังหวะของหนัง ที่สามารถเร้าความตื่นเต้น ลุ้นระทึกให้กับผู้ชมอย่างได้ผล โดยไม่ต้องอาศัยเอฟเฟคท์หวือหวา หากเป็นเทคนิคง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง หรือ การตัดต่อ รวมไปถึงการสร้างลักษณะของตัวละครนักฆ่า ที่แสดงให้เห็นครบทั้งความวิปริต อำมหิต และเลือดเย็น
แต่หนังไม่ได้ขายแค่ความตื่นเต้น หรือสะใจที่ฉากสุดท้ายเล่นเอาคนดูปรบมือเกือบทั้งโรง หากเต็มไปด้วยการเสียดสีสังคม การเมืองที่เจ็บแสบ คมคาย และบาดลึก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความฝันแบบอเมริกัน การที่ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องตามกฏหมาย และความถูกต้องทางจิตใจ รวมไปถึงตัวละครที่หน้าตาก็ดูเหมือนคนปกติธรรมดา ที่เจอหน้าเจอตากันในสังคมเป็นประจำ ส่งผลให้ The Purge เป็นมากกว่าหนังเขย่าขวัญราคาถูกที่ทำได้ถึงรส แต่ยังวิพากษ์ความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ สังคม และศีลธรรมไปพร้อมๆ กัน
โดย นพปฎล พลศิลป์