THIRD PERSON: จากเรื่องราว 3 เรื่อง ที่เกิดขึ้นใน 3 เมืองใหญ่ เริ่มจากในปารีส ที่นักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์ ใช้เวลาเริงรมย์กับชู้รัก ที่สร้างกำแพงบางอย่างขวางเอาไว้ระหว่างเธอและเขา แล้วก็ไปที่นิว ยอร์ค หญิงสาวคนหนึ่งต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อสิทธิ์ในการพบลูกชาย หลังเธอตกเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่าเขา โดยผู้เป็นพ่อก็เข้ามาขวางสุดตัว และสุดท้าย นักธุรกิจอเมริกันในโรม พยายามหาทางช่วยสาวยิปซี (ที่ไม่ได้เป็นอะไรกับยิปโซ) ที่เขาบังเอิญปิ๊งเพื่อไถ่ตัวลูกชายของเธอจากแก๊งมาเฟีย
ที่หากย้อนไปดูงานที่ประสบความสำเร็จ ทั้งเงินและกล่องของพอล แฮ็กกิส อย่าง Crash ที่นำเอา “หลายชีวิต” ในเมืองใหญ่ เข้ามาเกี่ยวพันกันได้ แม้จะมาจากต่างที่ ค่างทาง ต่างญานะ ชนชั้น เชื่อว่า หลายคนคงมองไปถึงบทสรุปสุดท้ายของหนัง ที่น่าจะพาทุกอย่างมาบรรจบรวมกันไม่ตางไปจากนั้น
แต่แฮ็กกิส กลับพาเรื่องมาไหลรวมกัน บรรจบพบเพื่อเป็นคำตอบได้ไม่สำเร็จ หลังบทสรุป หรือคำเฉลยที่บอกออกมา หนังทำได้เพียงให้คนดูได้รับรู้ว่า ตัวละครแต่ละตัวนั้นมีที่เป็นมายังไง หรือเป็นใครในอีกนัยยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยง หรือทำให้เรื่องทั้งมดถูกรวบเป็นเส้นเดียวกันได้ จบปิดท้ายในแบบถ้าไม่เคลียร์ก็ไม่สับสน และนั่นก็ทำให้ถือได้ว่า หนังไปไม่ถึงไหนในส่วนของเรื่อง
แต่ก็ต้องนับถือ หรือให้เครดิตกับการพาคนดูมาถึงจุดสุดท้ายได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ตัวหนังจัดอยู่ในข่ายเนิบนาบ ในระดับที่ชวนกระสับกระส่าย แต่ไม่ยักกะน่าเบื่อ
ถือได้ว่ายังมาพร้อมกับฝีมือระดับ ผู้เขียนบทรางวัลออสการ์อยู่ แต่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน หรือจุดพีคอย่างที่เคยเป็น ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อย เพราะหนังได้นักแสดงขายฝีมือระดับท็อปมาพบกันเพียบ หากแต่ละคนก็ดูจะกั้กๆ อั้นๆ ไม่ปล่อยพลังมาเต็มที่ เช่นเดียวกับที่ตัวเรื่องเป็นไม่ต่างกัน
โดย นพปฎล พลศิลป์