Movie ReviewREVIEW

ดูหนังในกรุ LIKE CRAZY รักขาดสติ ชีวิตก็แทบพังทะลาย

20111114162440-7127

คลิกเพื่อดูภาพขยาย

รักขาดสติ ชีวิตก็แทบพังทะลาย
LIKE CRAZY
ผู้กำกับ: เดรค ดอร์มุส แสดงนำ: แอนตัน เยลชิน, เฟเลซิตี้ โจนส์, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, อเล็กซ์ คิงสตัน

นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาะอังกฤษ – แอนนา พบรักกับหนุ่มนักศึกษาอเมริกัน – เจค็อบ ในช่วงสุดท้ายของการเรียนที่มหาวิทยาลัยในลอส แองเจลีส กับความรักที่เพิ่งเกิดขึ้น เหมือนกับเพิ่งอยู่ในช่วงฮันนีมูน ทำให้แทนที่จะเดินทางกลับอังกฤษในช่วงหน้าร้อนตามกำหนดการเดิมเพื่อต่อวีซ่านักศึกษาที่กำลังจะหมดอายุ โดยไม่คิดว่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ จนกลายเป็นอยู่ในอเมริกาเกินกำหนด และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่นำไปสู่วิบากกรรมของคนทั้งคู่ในเวลาต่อมา

แอนนาเดินทางกลับมาลอส แองเจลีสอีกหนในฐานะนักท่องเที่ยว หลังกลับไปบ้าน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ปฏิเสธที่จะให้แอนนาเข้าประเทศ เพราะมีประวัติการเข้าเมืองเกินกำหนด แล้วชีวิต ที่ไม่ได้มีแค่ชีวิตรักของคนทั้งคู่ก็ไม่ได้หวานชื่น สดใส เหมือนในที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงหน้าร้อนอีกต่อไป

ด้วยอารมณ์บางอย่างของหนัง ที่อาจจะเป็นเพราะว่าด้วยเรื่องของรักในวัยหนุ่ม-สาว ที่จุดเริ่มต้นความรักเกิดจากการพบกันในช่วงสุดท้ายของการเรียน ก่อนออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้างของตัวละคร กับระยะเวลายาวนานที่กว่าจะได้อยู่ร่วมกัน อาจจะทำให้นึกถึงหนังอย่าง One Day อยู่บ้าง แต่ก็มีเพียงเท่านั้นที่ทำให้นึกถึง

เพราะนอกจากนั้น Like Crazy ก็แทบไม่มีอะไรคล้ายคลึง โดยเฉพาะกับโทนของหนัง และการเล่าเรื่อง นี่ไม่ใช่หนังโรแมนติคที่มาพร้อมกับภาพสวยๆ ดนตรีงามๆ อารมณ์เบาๆ ที่ทำให้คนดูหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝันสีชมพู หนังที่สร้างจากเรื่องจริงในชีวิตของผู้กำกับเดรค ดอร์มุสเรื่องนี้ ดูจะมีมุมหดหู่มากกว่าเปี่ยมไปด้วยความหวัง และคนที่ฝันเป็นสีชมพูก็ไม่ใช่คนดูหากเป็นตัวละครในเรื่อง ที่ต่างพยายามหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในประเทศ ในแผ่นดินเดียวกัน

แล้วระยะห่างก็ไม่ใช่ปัญหาข้อเดียวที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ กับชีวิตที่ต้องกินต้องใช้ หน้าที่การงานที่ต้องมีก็เป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้ความรักต้องห่างเหินเป็นพักๆ และการเดินทางไปหากัน ติดต่อสื่อสารผ่านคลื่นทางอากาศ ก็ไม่ได้ดูสดใส น่ารัก หรือมีความหวังเหมือนอย่างที่เคยเห็นในหนังรอม-คอมอย่าง Going the Distance โทนหนังที่ดูจริงจัง การเล่าเรื่องที่ดูสมจริง ทำให้ความรักใน Like Crazy เต็มไปด้วยความอ่อนล้า และปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ ก็ทำให้ต่างฝ่ายต้องเดินทางอยู่ในโลกของตัวเอง ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของตัวเอง มากกว่าการเดินเข้ามาอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ซึ่งทุกครั้งก็ต้องมีปัญหาบางอย่างให้ขบคิด ไม่ว่าจะเป็นการหาทางให้ได้อยู่ด้วยกัน ปัญหาเรื่องทัศนคติของคนต่างวัฒนธรรม ความสัมพันธ์กับญาติผู้ใหญ่ของอีกฝ่าย และการใช้ชีวิตในสังคมของอีกคนหนึ่ง

และเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีใครบางคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ของตัวเอง แทนที่จะยอมรับว่าเป็นผลกระทบของความห่างเหินอันเกิดจากตัวเอง ความห่างไกลของระยะทาง รวมไปทำความผิดในแบบเดียวกันที่ตัวเองก็ทำ หรือเคยทำ กลับกล่าวโทษอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ในครั้งหนึ่งก็เคยออกปากให้ลองมองดูคนอื่นๆ บ้างก็ตามที โดยไม่ต้องนึกถึงท่าทางที่ดูผิดหวังกับโอกาสในการอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องเมื่อเจ้าหน้าที่ออกวีซ่าปฏิเสธคำขอของแอนนาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งไม่ต่างไปจากการยอมรับกลายๆ
นี่คือหนังที่เป็นสีชมพูอมเทา ดูหม่นๆ ซึม เป็นงานโรแมนติคที่ดู “จริง” ให้แง่มุมกับการใช้ชีวิตคู่ได้ในแบบแทบจะสมบูรณ์ โดยเฉพาะคนหนุ่ม-สาว ที่เพิ่งก้าวจะรั้วมหาวิทยาลัย มีความรักในจินตนาการที่สดใส

แม้จะเป็นงานเรียบๆ ง่ายๆ ในแบบหนังอินดี้ แต่ Like Crazy ก็ได้นักแสดงชั้นดีมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นแอนตัน เยลชิน จาก Star Trek, เฟเลซิตี้ โจนส์ รวมไปถึงเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่มาเป็นนักแสดงสมทบ ซึ่งทั้งหมดก็ให้การแสดงที่สมจริง ไม่ต่างไปจากเรื่องที่หนังเล่า แถมการถ่ายทำที่ใช้กล้องแคนอน อีโอเอส เซเว่นดี ทั้งเรื่องก็ให้โทนของภาพที่ดูมีเสน่ห์ แบบงานบันทึกชีวิตจริงที่กลืนไปกับโทนของเรื่อง

การเล่าเรื่องก็คมคาย มีการเปลี่ยนผ่านอารมณ์ มีความหมายในตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะไม่ใช่หนัง “ใหญ่” แต่ก็คิด “เยอะ” จากที่เริ่มด้วยความสดใส แล้วค่อยๆ หม่น จนท้ายที่สุดแม้ดูเหมือนความสว่างจะฉายแสงขึ้นมา เมื่อตัวละครเดินมาถึงจุดหมายที่ฝันเอาไว้ แต่หนังก็ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า แสงสว่างที่เห็นเป็นจุดจบของความมืดมิดที่ปลายทางอุโมงค์ เพื่อที่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเส้นทางของอุโมงค์ใหม่หรือเปล่า? ตราบใดที่ทั้งคู่ได้แต่พยายามหาทางอยู่ร่วมกัน แต่ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจกัน

เหมือนกับกำลังบอกว่า ไม่ว่าจะรัก หลง หรือเลิกรา ถ้าทำด้วยขาดสติแบบ Like Crazy ทุกอย่างก็ล้วนก่อให้เกิดปัญหา
นี่คือหนังเล็กๆ หากเรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง และ “สมจริง”

โดย นพปฎล พลศิลป์ จากนิตยสาร สีสัน ปีที่ 24 ฉบับที่ 3 พฤศจิกายน  2555

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.