By Sadaos
Fish Story (2009): โลกจะยังไม่แตก หากผู้คนยังส่งต่อแรงบันดาลใจ
โดย เกรียนหนัง
จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=136806706475664&set=pb.112834835539518.-2207520000.1362382914&type=3&theater
ว่ากันว่าวันนี้โลกจะแตก ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ถึงมันจะแตก และเป็นวันสุดท้ายของโลกจริงๆ ก็ช่างมันเถอะ เราทำอะไรไม่ได้หรอก จะหนีไปไหนเหรอ? โลกแตกนะจ๊ะ ไม่ใช่ตำรวจมาจับป๊อกเด้ง จะได้แยกวงกันหนี
นี่ไม่ได้ประชด แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ วันนี้เกรียนหนังเลยขอแนะนำสุดยอดหนังไซไฟจากแดนปลาดิบ ที่รับประกันว่าดูแล้วทุกคนต้องเอามือตีเข่าป๊าป! ป๊าป! ป๊าป! พร้อมกับอุทานดังๆ ด้วยความชอบใจว่า “ซึโก้ย แอนด์ คิมูจิ๊!”
นี่ไม่ได้ลามก แต่เรื่องนี้มันเป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่า “สุดยอดและรู้สึกดีจริงๆ” การเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ คือมันพูดถึงเรื่องราวหลากหลาย คนละเรื่องเดียวกัน ดูแล้วไม่น่าจะมาเกี่ยวกันได้เลย
แต่สุดท้ายทั้งหมดก็เกี่ยวเป็นเรื่องเดียวกันจนได้เมื่อหนังเดินไปถึงบทสรุป แถมยังสรุปออกมาแบบเคลียร์ชัดเจนหมดจด ไม่คลุมเครือ ดูเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องตีความใดๆ อีกต่างหาก และที่สำคัญก็คือ “ใจความหลัก” ที่หนังนำเสนอ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ มันพูดถึงเรื่องของการส่งต่อแรงบันดาลใจ ที่ขับเคลื่อนให้ผู้คนบนโลกใบนี้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง
Fish Story เปิดเรื่องขึ้นช่วงปลายปี 2012 โลกกำลังจะแตกเพราะถูกอุกกาบาตชน ญี่ปุ่นและหลายๆ ประเทศ กลายเป็นพื้นที่รกร้าง ผู้คนหนีหายไปไหนไม่ทราบได้ ขณะที่บนท้องฟ้ามีอุกกาบาตขนาดมหึมาลอยคว้างอยู่ มองเผินๆ เหมือนมันจะลอยอยู่นิ่งๆ แต่นาซ่าบอกว่าเหลืออีกราว 5 ชั่วโมง มันจะโหม่งโลก และโลกจะแตก
ข่าวในวิทยุรายงานว่า จรวดของอเมริกาที่ยิงออกไปเมื่อหลายเดือนก่อนทำงานล้มเหลว หยุดอุกกาบาตไม่สำเร็จ ขณะที่ดาราดังอย่าง บรู๊ซ วิลลิส ก็หลบหน้าหลบตาผู้คน หายจากวงการไปนานหลายเดือนแล้ว เนื่องจากรู้สึกอับอายที่เคยรับบทพระเอกกู้โลกจากอุกกาบาตในหนังเรื่อง Amargeddon แต่เอาเข้าจริงกลับทำอะไรไม่ได้เลย
ความหวังของชาวโลกที่มีอยู่เพียงอย่างเดียว ณ ตอนนี้ ก็คือการพึ่งจรวดของประเทศอินเดีย!!
หนังตัดไปที่ใจกลางเมืองร้างผู้คน ประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางความว่างเปล่าและเงียบเชียบ กลับมีเสียงเพลงดังแว่วมาจากร้านแผ่นเสียงเล็กๆ ตรงซอกถนน เจ้าของร้านยังเปิดร้านตามปกติ ในร้านมีลูกค้าอยู่ 2 คน
เจ้าของร้านนี้ บอกลูกค้าว่า โลกไม่แตกหรอก เพราะมีคำทำนายไว้ว่าจะมีกลุ่มคนปรากฎกายขึ้นเหมือน 5 มนุษย์ไฟฟ้า ออกมากู้โลกให้ปลอดภัยในที่สุด แล้วเจ้าของร้านก็หยิบแผ่นเสียงที่ชื่อว่า Fish Story ของวง Gekirin ขึ้นมาเปิดเสียงดังสนั่นร้าน
แล้วหนังก็ย้อนไปปี 1975 (หรือ 37 ปีก่อนอุกกาบาตจะชนโลก) เล่าเรื่องเกี่ยวกับที่มาที่ไปของวง Gekirin ซึ่งเป็นวงพั้งก์ที่ถือกำเนิดขึ้นก่อน Sex Pistols แต่ตอนนั้นโลกยังไม่รู้จักดนตรีพั้งก์ คนเลยไม่เข้าใจในท่วงทำนองแปร่งๆ แปลกๆ แบบที่ Gekirin ทำขึ้นมา สุดท้ายเลยต้องยุบวง เพราะไม่ได้รับความนิยมจากคนฟัง มีเพียงเพลงชื่อ Fish Story เพลงเดียวที่ทิ้งไว้ให้โลกรู้ว่าเคยมีวงชื่อ Gekirin ถือกำเนิดขึ้น
ถัดมาอีก 7 ปี คือปี 1982 อัลบั้มเพลง Fish Story กลายเป็นอัลบั้มต้องสาปที่ถูกส่งต่อๆ กันมา กลางเพลงมันจะมีช่วงที่โดนอัดทับจนไม่มีเสียงอยู่ราว 1 นาที ว่ากันว่าใครที่มีญาณพิเศษจะได้ยินเสียงผู้หญิงลึกลับกรีดร้องขึ้นมาตรงที่เทปถูกอัดทับ แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ยินสักที จนกระทั่งมีไอ้หนุ่มหน้าจืดคนหนึ่งกลับได้ยินเสียงนั้นเข้าอย่างจัง!!
ถัดมาหนังเล่าถึงวันสุดท้ายของปี 1999 ตามคำทำนายของน็อตตราดามุสที่บอกว่าโลกต้องแตกแน่ๆ น้ำจะท่วมโลก ผู้คนส่วนหนึ่งกลัวเลยมาตั้งแคมป์ริมทะเล เพื่อรอเรือโนอาที่จะมารับตามคำทำนายของท่านน็อตตรา
แต่ปรากฏว่าเลยปี 1999 ย่างเข้าปี 2000 โลกก็ยังไม่แตก และเรือโนอาก็ไม่ได้มา แต่บาทหลวงที่อยู่แถวนั้น ยังยืนยันว่าโลกแตกแน่ แต่จะเลื่อนไปแตกตอน 2012 ต่างหาก
ถัดมาปี 2009 ยังไม่มีวี่แววเรือโนอา แต่หนังเล่าเรื่องของเรือเฟอรี่สุดหรูลำหนึ่งที่ถูกโจรบุกขึ้นมาปล้น แต่อยู่ดีๆ ในเรือกลับมีพ่อครัวหนุ่มปรากฎตัวขึ้นเพื่อปกป้องทุกๆ คน
ย้อนกลับถึงปี 2012 โลกกำลังจะแตกและถึงจุดจบจริงๆ จากอุกกาบาตที่กำลังจะพุ่งชนในอีก 5 ชั่วโมงข้างหน้า ญี่ปุ่น และหลายๆ ประเทศกลายเป็นเมืองร้าง เงียบสงบปราศจากการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเสียงเพลงดังแว่วออกมาจากร้านแผ่นเสียงเล็กๆ ตรงซอกถนน ในนั้นมีคนอยู่สามคน และคนที่เป็นเจ้าของร้านก็หยิบอัลบั้มเพลงชื่อ Fish Story มาเปิดเสียงดังสนั่น
แล้ว 5 นาทีสุดท้ายผู้กำกับหนังเรื่องนี้ ก็เฉลยความลับของเรื่องราวทั้งหมด และเรื่องทั้งหมดที่แทบจะไม่เกี่ยวบ้าอะไรกันเลยเหล่านี้ ก็รวมเข้าด้วยกันได้เป็นหนึ่งเดียวแบบน่ารักน่าชังสุดๆ แถมสมเหตุสมผลแบบหมดจด 100 เปอร์เซ็นต์ด้วย
เป็นไปได้ยังไงนั้น เกรียนหนังคงต้องอุบเอาไว้
ไม่งั้นเดี๋ยวหนังก็หมดสนุกกันพอดี
คะแนน : สี่ดาวครึ่ง
(สุดยอดเลยจ้า!! สนุก หนังน่ารักมากๆ ไอเดียการนำเสนอแหล่มไปเลย แถมให้แง่คิดดีๆ แต่ขอตัดคะแนนไปนิดนึง เกี่ยวกับงานโปรดักชั่นที่ไม่เนี๊ยบ)
ชมตัวอย่าง http://www.youtube.com/watch?v=Th-aWq1UNeM
What is your reaction?
