Pietà (2012): เงิน คือจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกสิ่ง
โดย เกรียนหนัง
จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=167813593374975&set=a.113215048834830.20429.112834835539518&type=1&theater
ผลงานล่าสุดของ คิม คิ ดุ๊ก ผู้กำกับชาวเกาหลีที่ถูกคนในประเทศของตัวเองเกลียดชังมากที่สุด เนื่องจากหนังแต่ละเรื่อง ของเขามักจะมาพร้อมกับเรื่องราวแปลกประหลาด หมิ่นเหม่ และทำร้ายจิตใจคนดู แถมบางครั้งก็ยังตบเข้ากลางแสกหน้าในความดัดจริตของคนเกาหลีเสียเองอีกต่างหาก
นอกจากนั้นแล้วหนังของคิมยังอยู่ในข่ายที่เรียกว่าต้อง “ปีนกระได” สำหรับคนดูหนังทั่วไป และไม่ว่าจะดูรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้แน่ๆ จากผลงานของคิม ก็คือ การที่หนังมันสามารถสร้างแรงกระเพื่อมอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้ดูได้สำเร็จเสมอ
ซึ่งผลงานที่แล้วๆ มาล้วนเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี อาทิ Bad Guy (2001) หนังที่ว่าด้วยความสัมพันธ์จิตๆ ของแมงดากับโสเภณีที่ยากจะอธิบาย, 3-Iron (2004) หนังรักสามเศร้าที่ตัวละครหนึ่งอาจไม่มีตัวตน, The Bow (2005) หนังรักของตาแก่รุ่นปู่กับเด็กรุ่นหลาน, Dream (2008) หนังเกี่ยวกับฝันประหลาดของผู้ชายที่กลายไปเป็นเรื่องจริงของผู้หญิงอีกคน
แต่เรื่องที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ Real Fiction (2000) หนังชีวิตบัดซบที่ความกดดันจากทุกทิศทางได้ทำให้คนๆหนึ่ง ต้องกลายเป็นฆาตกรสุดโหด ซึ่งทั้งเรื่องใช้เวลาถ่ายทำแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการถ่ายเทคเดียวจบในทุกฉาก กับอีกเรื่องคือ Time (2006) หนังดราม่าโรแมนซ์จิตป่วยที่หยิบเรื่องการทำศัลยกรรมพลาสติกในเกาหลีมาเล่นได้อย่างแสบสันต์
หลังไล่เรียงผลงานดูแล้ว ถือได้ว่า คิม คิ ดุ๊ก เป็นหนึ่งในผู้กำกับบ้าพลังที่ขยันผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Pietà หนังเรื่องล่าสุดก็เป็นผลงานในเครดิตลำดับที่ 18 เข้าไปแล้ว และที่สำคัญตัวหนังไปไกลขั้นสามารถคว้ารางวัล “สิงโตทองคำ” จากเทศกาลหนังเวนิสมาครองได้สำเร็จ
Pietà เล่าเรื่องราวของ ลีคังโด ชายหนุ่มวัย 30 ที่เติบโตขึ้นมาโดยไร้ครอบครัวดูแล จนทำให้เขากลายเป็นคนที่มีนิสัยเย็นชาไร้หัวใจ อาชีพของ คังโด ก็คือการตามทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เหยื่อจะเป็นคนจนที่ไม่มีปัญญาจ่ายคืน และมักลงเอยด้วยการถูก คังโด จับหักแขน หักขา ให้กลายเป็นคนพิการ เพื่อเอาเงินจากบริษัทประกันมาจ่ายหนี้แทน
แต่วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงวัยกลางคนโผล่มาสมอ้างตัวว่าเป็นแม่ของคังโดที่หายตัวไปกว่า 30 ปี และอยากจะกลับมาดูแล เพื่อไถ่บาปจากความรู้สึกผิดที่เคยทิ้งเขาไป แรกเริ่มชายหนุ่มต่อต้านการกลับมาของหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นแม่อย่างรุนแรง แต่ที่สุดแล้วความอดทนอดกลั้นของผู้เป็นแม่ก็สามารถเอาชนะจิตใจอันหยาบกระด้างของคนโฉดอย่าง ลีคังโด ลงได้ในที่สุด
เรื่องคร่าวๆ มีเท่านี้ แต่อะไรที่ลึกลับซับซ้อนกว่านั้นคงเขียนถึงไม่ได้แล้ว เดี๋ยวคนที่ยังไม่ดูเสียอรรถรสหมด วัดกับผลงานหลายเรื่องก่อนหน้า หนังเรื่องนี้ของคิม ถือว่าเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะทั้งตัวละครและเรื่องราวถูกนำเสนอออกมาบนพื้นฐานที่จับต้องได้ ไม่มีอะไรแปลกๆ แหวกๆ เหนือจริง ให้ต้องตีความคิดมาก อีกทั้งการดำเนินเรื่องที่มีอารมณ์แบบหนังทริลเลอร์ซ่อนเงื่อนปนอยู่นิดๆ ก็ถือว่ามีส่วนช่วยให้หนังเดินหน้าไปอย่างชวนติดตาม และมีความบันเทิงในตัว
อย่างไรก็ดี หากจะบอกว่ามันคือหนังที่ถือเป็นของหวานสำหรับคนหมู่มาก ก็ดูจะไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะ คิม คิ ดุ๊ก ก็คือ คิม คิ ดุ๊ก วันยังค่ำ ในความเรียบง่าย ไม่คิดมากของ Pietà จึงยังคงคุกรุ่นไปด้วยความรุนแรง หยาบกระด้าง ที่สั่นสะเทือนความรู้สึกคนดูอยู่หลายฉากหลายตอน หนึ่งในนั้นก็คือ การกินนิ้วเท้าที่ถูกตัดออกมาจากเท้าแบบสดๆ!
เช่นเดียวกับเนื้อหาหลักที่หนังนำมาพูดถึงก็ยังคงหนักอึ้งจนตกตะกอนค้างอยู่ในความรู้สึกหลังดูจบเหมือนเช่นเคย
Pietà (ปีเอตะ) มาจากภาษาอิตาลี แปลตรงตัวก็คือ “ความน่าสงสาร” นอกจากนี้ยังหมายถึงผลงานศิลปะในฉากพระแม่มารีโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นชีพ ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของจิตรกรรมและประติมากรรม ชิ้นที่โด่งดังที่สุดเป็นผลงานของ ไมเคิลแองเจโล ว่ากันว่าเจ้าตัวต้องการจับเอาอารมณ์ความรักและอารมณ์ผูกพันของแม่หลังจากที่ต้องสูญเสียลูก ถ่ายทอดออกมาในชิ้นงาน
หนังเรื่องนี้ของคิมใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่านี้แหละมาเป็นเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งหลากหลายตัวละครในเรื่องก็ล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดรวดร้าวจากการต้องสูญเสียใครคนใดคนหนึ่งไป
ไม่เว้นแม้แต่ตัวของ ลีคังโด เอง ที่ท้ายที่สุดแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่าเขาก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งด้วยเช่นกัน ในสังคมที่ “เงิน เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกอย่าง ทั้งความรัก ศักดิ์ศรี ความรุนแรง ความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉา การแก้แค้น และความตาย”
คะแนน : สามดาวจ้า
(หนังยังฉายอยู่ที่ ลิโด้ สยาม แต่ข้อเสียที่อยากจะเตือนเอาไว้คือ ทางโรงได้ต้นฉบับหนังมาไม่ดีเท่าไหร่ ฉายขึ้นจอแล้วออกมามืดมากกก ขอบอก!)