Music ReviewREVIEW

ตามมาฟังอัลบั้มซาวนด์แทร็คหนัง THE TWILIGHT SAGA: BREAKING DAWN PART 2

THE TWILIGHT SAGA: BREAKING DAWN PART 2 Original Motion Picture Soundtrack
Various Artists
[Summit Ent/ Chop Shop/ Atlantic]

the_twilight_saga-breaking_dawn-pt_2เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจนได้สำหรับ The Twilight Saga หนังภาคต่อจากนิยายขายดี ที่ผู้อำนวยการสร้างซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ กล้าๆ กลัวๆ กับการทำงานชิ้นนี้อยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ภาคแรกของหนังที่ไม่ได้ใช้งานบรรดาทีมงานระดับหัวกระทิ ซึ่งก็หมายความรวมไปถึงนักแสดง ตลอดจนการลงทุนในเรื่องโปรดัคชั่นต่างๆ อย่างสเปเชียล เอฟเฟคท์ ก็ดูชืด ไม่เนียน และไม่ละเอียดอะไรเลย

แต่อย่างหนึ่งที่หนังทำได้ดี และรักษามาตรฐานเอาไว้ได้จนมาถึงภาคสุดท้าย ตอนสุดท้ายก็คือ งานเพลง และงานดนตรีประกอบ ที่ทุกครั้งจะทำเป็นอัลบั้มออกมาทั้งเพลงประกอบ และดนตรีประกอบ

สำหรับอัลบั้มเพลงประกอบของหนังในชุดนี้ แม้จะเป็นงานรวมเพลง แต่ก็เป็นการรวมเพลงที่มีการคุมคอนเซ็ปท์ คุมโทนของเพลงเอาไว้อย่างแข็งแรง และหากไล่เรียงฟังกันมาตั้งแต่หนังภาคแรกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ของตัวเพลง ซึ่งไม่ต่างไปจากการคลี่คลายเรื่องราวของหนัง จากงานในแบบกอธิคฟังหม่นๆ ในช่วงสองภาคแรก เพลงของหนัง Twilight ฟังสดใส มีโทนสว่างมากขึ้นในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะงานใน Braking Dawn Part 1 ที่ตัวดนตรีให้ความรู้สึกอบอุ่น โปร่ง และใน Breaking Dawn Part 2 ความสดใส ความอบอุ่นที่ว่าก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

ไม่มีเพลงที่ฟังหม่นทึมแบบหนังภาคแรกๆ อยู่ในอัลบั้มชุดนี้เลย แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ยังคงมีความเป็นงานแบบ Twilight ให้รู้สึก มีลักษณะของเพลงที่สร้าง “บรรยากาศ” แต่เป็นบรรยากาศที่คลี่คลายมากขึ้น ดนตรียังฟังล่องลอย ออกอารมณ์หลอนๆ อยู่บ้าง แต่ไม่ทึม หลายๆ เพลงสัมผัสได้ถึงความปิติข้างใน มีอารมณ์โรแมนซ์ในแบบที่สมหวัง มากกว่าเป็นการรอคอยที่ดูเหมือนไม่เห็นแสงสว่างเช่นที่เคยได้ยินกันในสองอัลบั้มแรก

ซึ่งก็คือสิ่งที่ควรจะเป็นเมื่อเรื่องราวต่างๆ ของตัวละคร โดยเฉพาะในแง่มุมของความรักที่เป็นแกนของเรื่องทั้งหมดเดินทางมาสู่บทสรุป ความรักสมหวัง ไม่แปลกที่งานเพลงจะหวานขึ้น สดใสขึ้น อบอุ่นมากขึ้น เห็นได้ชัดจากเพลงเปิดอัลบั้ม (และเปิดหนัง) Where I Come From ที่ถึงจะฟังล่องลอย หากก็สนุกสนาน คึกคักสดใส

ศิลปินที่มาทำงานเพลงให้กับหนังอาจจะมีบรรดาบิ๊กเนมน้อยลง หากก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสิ่งที่ต้องใช้ และต้องได้ก็คือเนื้องาน ไม่ใช่ศิลปิน โดยบรรดาหัวแถวเกรดเอในอัลบั้มชุดนี้ก็อย่าง เอลลี กูลดิ้ง สาวอังกฤษที่แจ้งเกิดด้วยเพลง Lights กับBittersweet งานอิเล็กทรอนิกส์-ป็อป ที่ครบรสทั้งหวานอมขมกลืนอย่างชื่อเพลง The Forgotten บัลลาดขายเสียเปียโนในสไตล์ของกรีน เดย์ ที่น่าจะติดหูกันได้ไม่ยาก

และคริสติน่า เพอร์รี่ ที่แจ้งเกิดได้จากเพลงหนัง Twilight ก็กลับมามีเพลงในหนังเรื่องนี้อีกครั้ง และเป็นธีมรักของเรื่องก็ว่าได้ โดยเป็นการนำเอาเพลงจากตอนที่แล้ว A Thousand Years มาทำใหม่ได้นักแสดงอย่าง สตีฟ คาซี มาร่วมงาน เป็น A Thousand Years (Part 2) เพลงที่บ่งบอกถึงความรักอมตะที่คนหนึ่งมีต่ออีกคน แม้ว่าไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้วก็ตามที

นี่คือเพลงปิดหนัง เป็นเพลงสุดท้ายที่ได้ยินพร้อมกับภาพของตัวละครสองคนสำคัญของ Twilight ก่อนที่จะเข้าสู่ End Credit ต่อไป

จากที่เคยเป็นส่วนดีที่สุดของหนังยังไง งานเพลงจากหนัง Twilight ก็ยังเป็นส่วนที่ดีที่สุดเหมือนที่เคยเป็น แม้หนนี้ เสน่ห์ของงานแบบที่คุ้นเคยกันและโดดเด่นมากๆ จะจืดจางลงไป แต่ก็เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของเนื้อหา โทนหนัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเพลง “ต้อง” รับใช้ อยู่ดี

จากคอลัมน์ สะกิดร่องเสียง โดย นพปฎล พลศิลป์ นิตยสาร Entertain ฉบับที่ 1125 1 ธันวาคม 2555

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.