ตำนานลาลับดับแล้ว พรินซ์ เจ้าชายสีม่วงของวงการเพลง

ปีนี้ โรคภัย ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เมื่อคร่าชีวิตของศิลปินชื่อดังไปมากมาย และส่วนใหญ่ก็คือระดับท็อปๆ ของวงการทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เดวิด โบวี, เกล็นน์ ฟราย และล่าสุด พรินซ์ ที่จากไปเมื่อ 21 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยวัย 57 ปี ทิ้งผลงานให้แฟนเพลงไว้ฟังถึง 40 อัลบั้มที่ทำยอดขายรวมกันนับร้อยล้านก็อปปี ตลอดเวลาเกือบๆ 4 ทศวรรษในการทำงานของเจ้าตัว

ปรินซ์เกิดเมื่อ 7 มิถุนายน 1958 และเติบโตที่มินนีอาโพลิส, มินเนโซตา ในครอบครัวนักดนตรีแจ๊ซซ์ มีชื่อจริงว่า พรินซ์ โรเจอร์ เนลสัน เขาเป็นเด็กที่เปลี่ยวเหงามีดนตรีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต ทำให้กลายเป็นนักดนตรีที่เชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีหลากหลายตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ในช่วงไฮสคูลพรินซ์กับชาร์ลส์ สมิธ ลูกพี่ลูกน้อง ร่วมกันตั้งวง Grand Central ก่อนที่เขาจะแยกไปอยู่ในวง 94 East วงฟังค์ท้องถิ่น จากนั้นพรินซ์ก็ทำเดโมของตัวเอง ไปเสนอกับค่ายเพลงต่างๆ และทำให้ได้เซ็นสัญญากับวอร์เนอร์ มิวสิค

พรินซ์ มีอัลบั้มแรก For You ออกมาในปี 1978 ที่เขาจัดเต็มด้วยการเล่นเครื่องดนตรีถึง 27 ชิ้นในอัลบั้ม โดยมี “Soft and Wet” เป็นเพลงฮิต อัลบั้มที่สอง Prince ออกตามมาในปี 1979 มี “I Wanna Be Your Lover” เป็นเพลงดัง งานชุดที่ 3 ในปี 1980 Dirty Mind ทำยอดขายไม่ดีนัก แต่เป็นงานที่นักวิจารณ์พากันชื่นชอบ เมื่อพรินซ์ผสมผสานดนตรีฟังค์, ซินธ์-ป็อป, ดิสโก และนิว เวฟ เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว

ปี 1982 พรินซ์ออกอัลบั้ม 1999 ที่กลายเป็นงานสร้างชื่อในวงกว้างให้เขา นี่คืองานชุดแรกที่พรินซ์ทำกับวงแบ็คอัพที่ชื่อ the Revolution และมีเพลง “Little Red Corvette” ฮิตติดอันดับท็อปเทน มาถึงปี 1984 พรินซ์เป็นซูเปอร์สตาร์เต็มตัว ด้วยอัลบั้ม Purple Rain ที่ขึ้นอันดับ 1 อัลบั้มขายดีของบิลล์บอร์ดนานถึง 24 สัปดาห์ มีเพลงฮิตอันดับ 1 สองเพลง คือ “When Dove Cry” และ “Let’s Go Crazy” มาถึงตอนนี้เขากลายเป็นศิลปินระดับท็อปเช่นเดียวกับ ไมเคิล แจ็คสัน, บรูซ สปริงสทีน และมาดอนนา Purplr Rain ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการครองวงการยาวนานกว่าทศวรรษของพรินซ์อีกด้วย แล้วกับตัวภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เมื่อทำรายได้เกือบๆ 70 ล้านเหรียญจากทุนสร้างเพียง 7 ล้านเหรียญ และทำให้พรินซ์ได้รางวัลออสการ์มาครอง

นอกจากทำงานเพลงของตัวเองแล้ว พรินซ์ยังแต่งเพลงให้กับศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย และหลายๆ เพลงก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้งานที่เขาทำให้ตัวเอง เช่น “I Feel for You” ของชากา ขาน, “Glamorous Life” ของชีลา อี, “Manic Monday ของ The Bangles, “The Lover in Me” ของ ชีนา อีสตัน และ “Nothing Compares 2 U” ของชิเนด โอคอนเนอร์ ที่กลายเป็นเพลงฮิตทั่วโลก แจ้งเกิดให้สาวคนนี้สำเร็จ

หลังจาก Purple Rain พรินซ์มีผลงานภาพยนตร์ออกมาอีก 3 เรื่องคือ Under the Cherry Moon (1986) หนังเพลงโรแมนซ์ ที่เขากำกับเอง แต่ก็ไม่โด่งดังอะไรนัก รวมไปถึงหนังคอนเสิร์ตSign O’ the Times (1987) และ Graffiti Bridge (1990) ซึ่งเขากำกับเองเช่นกัน ขณะที่เพลงที่เขาทำให้หนัง Batman ของทิม เบอร์ตัน ประสบความสำเร็จมหาศาล โดยเฉพาะเพลง “Batdance” ที่เป็นเพลงอันดับ 1 ในชาร์ท

ปรินซ์ยังทำอะไรแปลกๆ อีกหลายอย่างในวงการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้สัญลักษณ์แทนชื่อของตัวเอง รวมทั้งยังปล่อยเพลงทางเว็บแชร์เพลงแน็ปสเตอร์เป็นศิลปินรายแรกๆ ในปี 2000 แต่ต่อมาเขาก็ไม่ยอมเผยแพร่เพลงผ่านการสตรีมมิง

ปี 2004 ปรินซ์ ได้รับการจารึกชื่อในหอประกาศเกียรติคุณร็อคแอนด์โรลล์ และเพิ่งมีอัลบั้มล่าสุด HITnRUN Phase Two ออกมาเมื่อปีที่แล้ว โดยเขากำลังอยู่ในระหว่างการทัวร์โปรโมทอัลบั้ม

และเมื่อ 15 เมษายนที่ผ่านมา เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของพรินซ์ต้องบินลงฉุกเฉินที่อิลลินอยส์ เพื่อนำเขาส่งโรงพยาบาลด่วน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ หลังจบคอนเสิร์ตที่จอร์เจียได้ไม่นาน

ก่อนที่อีกเกือบๆ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา อัจฉริยะคนสำคัญของวงการเพลงจะอำลาจากไปตลอดกาล เหลือไว้แต่ความงดงาม ยอดเยี่ยม ของเสียงเพลงให้ได้สัมผัส และจดจำกันต่อไป

จากเรื่อง ตำนานลาลับดับแล้ว พรินซ์ เจ้าชายสีม่วงของวงการเพลง คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ 26 เมษายน 2559

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่