FEATURESMusic Features

ทุกเดือนตุลาคม Green Day อยู่เฉยๆ ก็รวยไม่รู้เรื่อง

ไม่ได้ออกผลงานใหม่ ไม่มีซิงเกิลพิเศษอะไรออกมา หรือว่าทำตัวเป็นข่าวให้ฮือฮา ยกเว้นแต่ว่าจอห์น ลีดอนตำนานแห่งวงการเพลงพังค์ นักร้องนำของ The Sex Pistols จะออกมากัด แต่พอถึงเดือนตุลาคมทีไร รายได้ของวงกรีน เดย์ก็จะอู้ฟู่ขึ้นมา นั่นก็เพราะรายได้จากเพลง “Wake Me Up When September Ends” ที่กลายเป็นเพลงประจำเดือนนี้ไปแล้ว และยิ่งกว่านั้นเป็นเพลงทำเงินตลอดกาลให้กับวง

แรกเริ่มเดิมที เพลงนี้ถูกแต่งเพื่อแสดงความชื่นชมเป็นส่วนตัว ที่นักร้องนำของวง – บิลลี โจ อาร์มสตรองเขียนให้พ่อที่จากไปด้วยโรคมะเร็งตอนเขาอายุแค่ 10 ขวบในเดือนกันยายน 1982 ที่มุมหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็นเพลงแบบอัตชีวประวัติที่สุดที่เขาแต่ง แต่พอกลายเป็นเพลงฮิตทางสถานีวิทยุ เป็นสัญลักษณ์ของชาติที่แสดงถึงการฟื้นตัวหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้าย และต่อจากนั้นกลายเป็นเครื่องหมายของความกังวลใจที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ปีนี้ที่เพลงผ่านเดือนกันยาฯ มาแล้ว 13 หน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในอัลบัม American Idiot “Wake Me Up When September Ends” ยังคงมีบางสิ่งที่ฝังลึกหลอกหลอนไม่เสื่อมคลาย และเป็นหลักฐานที่มีรูปธรรมแสดงให้เห็นหนักแน่น

ในแต่ละปี ประมาณช่วงต้นเดือนกันยายนและตุลาคม มิวสิค วิดีโอเพลงนี้อย่างเป็นทางการจะมียอดชมในแต่ละวันบนยูทูบพุ่งขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด ในปีนี้ยอดชมของมิวสิค วิดีโอพุ่งจากราวๆ 50,000 ครั้งต่อวันไปเป็นแถวๆ 101,313 ครั้ง เฉพาะวันที่ 1 กันยายน และขยับไปที่ 103,669 ครั้งในวันที่ 30 กันยายน และพอถึงวันที่ 1 ตุลาคมก็ไปอยู่ที่ 107,058 ครั้ง ซึ่งมากกว่าสองเท่าจากปกติ

สมัยที่ซีดีและการดาวน์โหลด ดิจิตอล เป็นเส้นทางหลักในการฟังเพลง แฟนๆ ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าจัดเพลงเพื่อเปิดฟังรำลึกถึงอดีต ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมหรือแรงกระเพื่อมอะไรให้กับวงได้ แต่ในยุคสตรีมมิง ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือวิดีโอ 100% ของการเปิดฟังและชมที่เพิ่มขึ้น จะกลายไปเป็นเงินค่าลิขสิทธิ์ให้กับวง โดยที่ศิลปิน, ค่ายเพลง หรือว่าผู้จัดการวงไม่ต้องทำอะไรเลย

ในปี 2017 ไลเออร์ โคเฮน หัวหน้าฝ่ายดนตรีทั่วโลกของยูทูบ เผยว่าค่าลิขสิทธิ์สำหรับวิดีโอที่ถูกเล่นจะอยู่ที่ 0.003 เหรียญสหรัฐฯ ต่อครั้ง ซึ่งถ้าประเมินกันที่ยอดสูงสุด กรีนเดย์เหมือนจะได้เงินพิเศษเป็นจำนวนหลายๆ ร้อยดอลลาร์ในทุกปีจากยอดชมมิวสิค วิดีโอเพลงนี้บนยูทูบ ถึงจะดูไม่มากแต่อย่าลืมว่านี่คือรายได้จากที่เดียว ยังมียอดชมหรือฟังจากผู้ให้บริการฟังเพลงหรือชมวิดีโอแบบสตรีมมิงเจ้าอื่นๆ อีก ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมดนตรีชอบพูดเหมือนนกแก้วนกขุนทองถึงความเป็นไปได้ที่เพลงสักเพลงหนึ่งสามารถ ‘กินยาวๆ’ ได้จากบริการสตรีมมิง อย่าง สปอติฟายหรือว่ายูทูบ ถ้าเพลงนั้นมีพลังบางอย่างที่แข็งแรงในโลกยุคใหม่ ซึ่งหมายความว่าค่ายเพลงหรือศิลปินไม่จำเป็นจะต้องจ่ายแม้แต่แดงเดียวเพื่อหาแฟนใหม่ๆ แถมยังเป็นไปได้มากกว่าที่พวกเขาจะได้รางวัลจากทุกๆ ครั้งที่แฟนเพลงกลับมาเปิดฟังหรือชม

มีอย่างน้อยอีกเพลงหนึ่ง ที่มีศักยภาพเหมือนๆ “Wake Me Up When September Ends” มี นั่นก็คือ “September” ของ Earth, Wind and Fire ซึ่งปีนี้อายุ 40 ปีแล้ว และในทุกเดือนชื่อเดียวกับเพลง ยอดชมหรือฟังก็พุ่งพรวดขึ้นมา จากตัวเลขของยูทูบ มิวสิค วิดีโอเพลงนี้เคยทำตัวเลขเอาไว้ในปี 2017 ด้วยยอดชมกว่า 447,000 ครั้งในวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยตามปกติของเพลงถึง 116% และในวันที่ 21 กันยายนก็พุ่งไปถึง 797,000 ครั้ง มากกว่าปกติถึง 286%

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เพลงตามช่วงเวลาต่างๆ สามารถทำเงินไปยาวๆ เช่นที่บรรดาอัลบัมคริสต์มาสเคยแสดงให้เห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ทุกเดือนตุลาคม Green Day อยู่เฉยๆ ก็รวยไม่รู้เรื่อง คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 18 ตุลาคม 2561

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.