ฟังไปแล้ว อัลบั้มซาวนด์แทร็คหนัง Fast 7 เพลงประกอบชีวิตสำหรับคอหนังซิ่งชุดนี้

FURIOUS 7: ORIGINAL MOTION PICTURE SOUNDTRACK/ Various Artists
[Atlantic]

ชื่อ Furious 7 คือชื่อที่ใช้ในอเมริกา และน่าจะในอีกหลายๆ ตลาดของ Fast & Furious ภาคที่ 7 หนังรถซิ่งที่สร้างกันมาตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งในภาคนี้จะมีเนื้อหาเรื่องราวที่สืบเนื่องกันมาตั้งแต่ตอนที่ 3 และ 6 และยังเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายที่จะได้เห็น พอล วอล์คเกอร์ ในบท ไบรอัน โอคอนเนอร์ อดีตตำรวจสายสืบที่กลายมาเป็นหนึ่งในทีมนักซิ่งนอกกฏหมาย ของโดมินิค ทอเร็ตโต ซึ่งรับบทโดย วิน ดีเซล

หลังจากที่วอล์คเกอร์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในช่วงที่หนังถ่ายทำกันไปได้ราวๆ ครึ่งทาง

ซึ่งในหนังก็มีเพลง See You Again ที่ดังขึ้นมาในฉากที่ไบรอัน และดอมขับรถร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะแยกกัน ปล่อยให้ทอเร็ตโตใช้ชีวิตในโลกของความเร็ว และเสี่ยงภัยกันต่อไป เพลงนี้เป็นงานลูกผสม ป็อป-แร็ป ที่เปิดด้วยเสียงร้องไพเราะฟังดูเศร้าๆ ของ ชาร์ลี พุธ แล้วก็มีท่อนแร็ปรับ ก่อนจะสลับกันไปมา โดยมีท่อนร้องประสานที่ฟังดูใหญ่เข้ามาแทรกบ้าง เนื้อหานั้นก็เป็นการร่ำลากันและกัน โดยหวังว่าจะได้พบกันใหม่ในที่บางแห่ง ซึ่งก็งดงาม เข้ากันกับเรื่องราวของหนัง และความเป็นไปของพอล วอล์คเกอร์ ในแบบที่ถ้าบอกว่า แต่งมาเพื่อเขา ก็ต้องเห็นด้วย “I know we loved to hit the road and laugh / But something told me that it wouldn’t last / Had to switch up look at things different see the bigger picture / Those were the days / Hard work forever pays / Now I see you in a better place.

ที่ถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ มี I Will Return งานป็อป บัลลาดซึ้งๆ จากสกายลาร์ เกรย์ใส่เข้ามาด้วย ที่เนื้อหาก็คือการอำลา แต่หนนี้มาในอีกมุมมองหนึ่ง เพราะดูเหมือนจะพูดแทนคนที่จากไปมากกว่า “I will return don’t you ever hang your head / I will return in every song that is unsaid / Our memory is always within reach / I will return, I will return don’t you ever hang your head”

ที่ว่าแปลก ก็เพราะถ้าจำไม่ผิด เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงแรกในหนังชุดนี้ ที่เป็นเพลงบัลลาด ซึ้งๆ แต่ถ้ามองเข้าไปในตัวหนัง และเรื่องราวนอกจอที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล แล้วก็ทำให้ 2 เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ แต่ยังประกอบชีวิตของนักแสดงและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับวอล์คเกอร์อีกด้วย

ขณะที่เพลงอื่นๆ ก็มาตามสูตร ที่ให้น้ำหนักกับงานฮิพ-ฮ็อพ แล้วก็เพลงเต้นรำที่ฟังคึกคักสนุกสนาน กระตุ้นต่อมอะดรีนาลีน และความเร่าร้อน โดยงานฮิพ-ฮ็อพส่วนใหญ่ก็ฟังไม่ยาก ผิดกับงานฮิพ-ฮ็อพ หรือแร็ป ในยุคก่อนๆ ด้วยความที่เป็นงานแบบป็อป-แร็ป บ้างก็ให้ท่อนแร็ปเป็นท่อนฮุค บ้างก็ใช้ท่อนร้องแบบป็อป อย่าง Ride Out ที่มีศิลปินมาร่วมงานกันถึง 5 คน ก็ใช้ท่อนป็อปเป็นท่อนฮุค ส่วนบางเพลงอย่าง Blast Off งานเพลงเต้นรำของเดวิด เก็ตตา กับคาซ เจมส์ ก็แซมพ์ริฟฟ์กีตาร์ของเอ็ดเวิร์ด แวน เฮเลนมาใช้ ทำให้ตัวงานฟังดูแตกต่าง ทั้งจากเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มชุดนี้ และเพลงเต้นรำโดยทั่วๆ ไป แล้วตัวศิลปินก็จัดว่าเป็นระดับหัวแถว อาทิ วิซ คาไลฟา, เดวิด เก็ตตา, สกายลาร์ เกรย์, ดีเจ ชาโดว์ล ที.ไอ., โฟล ไรดา, อิกกี อาซาลี, จุยซ๊ เจ หรือว่าปรินซ์ รอยซ์

ชอบเพลงฮิพ-ฮ็อพที่มีความเป็นป็อปในตัวสูง นี่คืองานที่รวมเพลงแนวนี้ที่เต้นรำได้ด้วยไว้ได้น่าสนใจที่สุดชุดหนึ่ง และสำหรับแฟนหนัง Fast & Furious กับ 2 เพลงซึ้งๆ ไม่ใช่เป็นแค่เพลงประกอบหนัง ประกอบชีวิตของคนที่เกี่ยวข้องกับหนังชุดนี้

ที่ยังหมายถึงประกอบชีวิตคุณด้วยเช่นกัน

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ สะกิดร่องเสียง นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1182 ปักษ์หลัง เมษายน 2558

สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่