Music ReviewREVIEW

ฟังไปแล้ว Everything Was Beautiful, and Nothing Hurt ดนตรีที่มีเรื่องราวของโมบี

เปิดตัวในปี 1992 ด้วยอัลบัมที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อชุด หลังจากนั้น โมบี (Moby) ก็กลายเป็นหนึ่งในศิลปินอิเล็กทรอนิกส์ระดับหัวแถว มีงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลและอัลบัมของตัวเอง หรือว่างานที่ทำร่วมกับศิลปินอื่นๆ เช่น เดวิด โบวี (David Bowie), Daft Punk, ไบรอัน อีโน (Brian Eno), Pet Shop Boys, บริทนีย์ สเพียร์ส (Britney Spears), New Order, Public Enemy, Guns N’ Roses, Metallica หรือว่า Soundgarden ตลอดจนเป็นคอมโพเซอร์ทำดนตรีประกอบหนัง รวมไปถึงทำเพลงให้กับภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Heat, The Bourne Identity และ The Next Three Days

แม้จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่า “พีค” ของงานเพลงอิเล็กทรอนิกส์ โมบีก็มีอัลบัมออกมาให้ฟังโดยต่อเนื่อง แต่โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยได้ติดตามงานของเขาอย่างจริงๆ จังๆ จนมาถึงอัลบัมชุดนี้ Everything Was Beautiful, and Nothing Hurt ซึ่งเป็นอัลบัมชุดที่ 15 ของโมบีเข้าไปแล้ว ที่เกิดนึกคึกอยากฟังงานของเขาเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา

โดยชื่ออัลบัมที่ว่ากันยาวๆ นั้น เป็นคำจารึกบนหลุมศพของตัวละครชื่อบิลลี พิลกริม (Billy Pilgrim) ที่อยู่ในนิยายเรื่อง Slaughterhouse-Five เมื่อปี 1969 ของเคิร์ท วอนเนกัท (Kurt Vonnegut) ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมาะสมลงตัวกับโมบีดี เพราะกับโมบี ชื่อกลางและชื่อเล่นของเขาที่พ่อ-แม่ตั้งให้นั้น ก็เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่สานไปได้ถึง เฮอร์แมน เมลวิลล์ (Herman Melville) ผู้ประพันธ์วรรณกรรมอมตะเรื่อง Moby นั่นเอง

โดยตัวนิยายที่โมบีนำมาใช้เป็นชื่อชุดมีชื่อเต็มๆ ว่า Slaughterhouse-Five, or The Children’s Crusade: A Duty-Dance with Death ซึ่งเป็นนิยายไซ-ไฟต่อต้านสงครามที่ว่าด้วยประสบการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของบิลลี พิลกริมผู้ช่วยบาทหลวงและทหารอเมริกัน ที่ปฏิเสธจะทำการรบในสงคราม ตัวเรื่องจะนำเสนอชีวิตของเขาช่วงหลังสงครามและหลายๆ ปีก่อนหน้า ซึ่งเหตุการณ์ศูนย์กลางจะเป็นการรอดชีวิตของพิลกริม จากระเบิดที่ฝ่ายสัมพันธมิตรบอมบ์เมืองเดรสเดนขณะที่เขาถูกจับตัวเป็นเชลยสงคราม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวอนเนกัทด้วยเช่นกัน และทำให้นิยายเรื่องนี้ เป็นงานในแบบกึ่งอัตชีวประวัติไปในตัว

อย่างที่ชื่ออัลบัมแสดงนัยยะเอาไว้ ว่านี่ไม่ใช่งานที่เป็นการรวมเพลงที่ต่างทำกันต่างกรรมต่างวาระ ตัวเพลงแต่ละเพลงในอัลบัม แม้จะไม่รับรู้หรือเข้าใจถึงเนื้อหา ก็สามารถสัมผัสถึงความเชื่อมโยงบางอย่างในแบบงานคอนเส็ปท์อัลบัมได้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือซาวนด์ดนตรี เนื้องานก็เป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์นิ่งเนิบ ไม่ได้โฉ่งฉ่างหรืออึกทึกครึกโครม แต่ก็ไม่เนือยหนืดหรือน่าเบื่อ ฟังผ่อนคลาย และหลายๆ เพลงก็ให้ความรู้สึกล่องลอยเคลิ้บเคลิ้มไปในที อย่าง Falling Rain and Light แล้วก็ไม่ได้แค่ซาวนด์ของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โมบียังหยิบเอาเครื่องดนตรีสดต่างๆ อย่างเปียโน, กีตาร์ หรือเครื่องดนตรีในภาคริธึมมาใช้ ทำให้เพลงไม่ได้ฟังดูแข็งหรือแห้งแล้ง แถมบางเพลงก็ฟังไพเราะงดงาม เช่น This Wild Darkness รวมไปถึงการใช้เสียงร้อง เสียงประสาน การบอกเล่าบรรยายเรื่องราวต่างๆ ที่ขับเน้นความเป็นงานที่เน้นเนื้อหาเรื่องราวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ยิ่งมีเวลาหยิบจับเนื้อหาในเพลงมาตีความ หาความหมาย ก็จะทำให้สัมผัสกับสิ่งที่อยู่ในอัลบัมชุดนี้ได้ล้ำลึกกว่าการรับรู้เพียงแค่ท่วงทำนองและเสียงดนตรี

และไม่แปลกใจเลยว่า ขณะที่ศิลปินอิเล็กทรอนิกส์ในรุ่นเดียวกัน ล้มหายตายจาก หรือทิ้งช่วงห่างในการออกผลงานยาวๆ จนแทบลืมกันว่ามีตัวตนอยู่ ทำไมโมบียังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะจากดนตรี-เนื้อหา และอะไรอีกหลายอย่างที่รู้และสัมผัสได้ในอัลบัมนี้มันบอกว่า

ผู้ชายคนนี้ยังมีไฟ และไอเดีย ที่เป็นความคิดสร้างสรรค์อัดแน่นอยู่ในตัวเต็มเปี่ยม

โดย นพปฎล พลศิลป์ จากเรื่อง Everything Was Beautiful, and Nothing Hurt ดนตรีที่มีเรื่องราวของโมบี คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ 9 มีนาคม 2561

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.