Music ReviewREVIEW

ฟังไปแล้ว – FUTURE NOSTALGIA งานป็อปที่มาพร้อมคุณภาพ และการเข้าถึงของสาว ดัว ลิปา

FUTURE NOSTALGIA / Dua Lipa
[Warner Music]

ไม่ใช่แค่มีหน้าตาเป็นอาวุธ ที่สวยในแบบดูให้น่ารักก็ได้ ดูให้เซ็กซีก็ไม่ผิด ดัว ลิปา นางแบบสาววัย 24 ปี ที่ผันตัวมาทำงานเพลง ก็มีความสามารถทางดนตรีไม่แพ้ความดีงามทางรูปลักษณ์ และแจ้งเกิดได้สำเร็จเรียบร้อยจากอัลบัมแรกซึ่งใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อชุด ที่ออกมาในปี 2017 โดยมีเพลงฮิต อย่าง “Be the One’, “IDGAF” และเพลงอันดับ 1 บนเกาะอังกฤษ “New Rules”

ที่อย่าลืมด้วยว่า อัลบัมชุดนี้นั้น ตัดซิงเกิลออกมาได้ถึง 9 เพลง!!!

ในงานประกาศรางวัลบริท อวอร์ดส์ตอนต้นปีถัดมา ดัว ลิปาก็กลับบ้านพร้อมกับสองรางวัล ศิลปินหญิงเดี่ยวชาวอังกฤษยอดเยี่ยม และ ศิลปินอังกฤษหน้าใหม่ยอดเยี่ยม

ในปีเดียวกันนี่ละ ซิงเกิล “One Kiss” ที่เธอร่วมงานกับคัลวิน แฮร์ริส (Calvin Harris) ก็กลายเป็นซิงเกิลอันดับ 1 ของศิลปินหญิงเดี่ยว ที่ครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงของเกาะอังกฤษได้ยาวนานที่สุดในปี 2018 และพาเธอคว้ารางวัลบริทอวอร์ดส์สาขาเพลงแห่งปี ในปี 2019 และปีเดียวกันนี้ เธอก็กลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมบนเวทีแกรมมี อวอร์ดส์ ส่วนเพลง “Electricity” ที่เธอทำร่วมกับซิลค์ ซิตี (Silk City) ก็ได้รางวัลแกรมมีสาขาเพลงเต้นรำยอดเยี่ยมอีกรางวัล

นั่นคือเครดิท ความสำเร็จ เกียรติยศ ที่ดัว ลิปาทำได้จากงานชุดแรก เมื่อปี 2017

ปีนี้ เธอกลับมาพร้อมกับอัลบัมชุดที่สอง Future Nostalgia ที่ปล่อยในช่วงโคโรนาไวรัสกำลังระบาดหนักบนเกาะอังกฤษ

งานที่ฟังเพียงรอบแรก ถึงกับต้องบอกกับตัวเองว่า “ในเรื่องคุณภาพอาจจะยังตัดสินไม่ได้ แต่ในเรื่องของการเป็นอัลบัมเพลงป็อปที่ดีสักชุดหนึ่ง Future Nostalgia คืองานที่ใช่”

นอกจากความลงตัวในแบบที่ฟังเพลินหูทั้งชุด Future Nostalgia ยังมีความชัดเจนในคอนเส็ปท์ และสร้างความต่างให้กับตัวเองกับเพลงป็อปจากศิลปินรายอื่นๆ ได้ชัดเจนกว่า Dua Lipa งานชุดแรกที่ฟังดูหลากหลายมากกว่า ในแบบที่บางคนให้คงนิยามว่าเป็น ‘วาไรตี ป็อป (Variety Pop)’ อะไรทำนองนี้

เพราะ Future Nostalgia คืองานถวิลหาอดีตที่มีอนาคต…. เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นงานถวิลหาอนาคตในอดีต ที่ผสมผสานสิ่งที่เคยเป็นอนาคตจากอดีต กับงานดนตรีที่เป็นไปในทุกวันนี้ (ซึ่งไม่ต่างไปจากอนาคตของอดีตจริงๆ) ได้อย่างกลมกลืนลงตัว เพลงต่างๆ ในอัลบัม มีความใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ในเรื่องของซาวนด์ และไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นงานที่พยายาม ‘เก่า’

ซึ่งทำให้พ้นไปจากการเป็นงาน ‘ย้อนยุค’ เต็มตัว

หากจะพูดให้ใกล้เคียง Future Nostalgia คงไม่พ้นงานใหม่ที่มีสัมผัส (หรือบอกเล่าเรื่องราว) ของงาน ‘เก่า’ มากกว่า ซึ่งลิปาก็เหมือนให้นิยามไว้ตั้งแต่เนื้อร้องท่อนแรกจากเพลงแรกในอัลบัม ซึ่งใช้ชื่อเดียวกับชื่อชุด

“You want a timeless song, I wanna change the game / Like modern architecture, John Lautner coming your way / I know you like this beat ’cause Jeff’s been doin’ the damn thing / You wanna turn it up loud, Future Nostalgia is the name”

ที่นอกจากจะพูดถึงเพลงที่ไร้กาลเวลาแล้ว ก็ยังพูดถึงจอห์น เลาท์เนอร์ สถาปนิกเจ้าของผลงานที่ทำให้รู้สึกถึงโลกอนาคต แบบยุคอะตอมิคในช่วงปลายยุค ‘50s – ต้นยุค ‘60s จนได้ชื่อว่าเป็นสถาปนิกสไตล์โมเดิร์น กับบีทที่เจฟฟ์ บาห์สเกอร์ โปรดิวเซอร์และผู้ร่วมแต่งเพลงนี้ใช้ ซึ่งก็คือจังหวะดิสโก ที่ไม่ว่าโลกจะหมุนไปขนาดไหน ก็ไม่มีวันหายไป และทั้งสองสิ่งต่่างถูกสร้างขึ้นในอดีต และให้ความรู้สึก ‘ล้ำ’, ‘ทันสมัย’ ในยามนั้นไม่ต่างกัน

ยิ่งในเพลง “Physical” คอนเส็ปท์ของการถวิลหาอนาคตในอดีตยิ่งชัด เพราะนอกจากชื่อเพลงจะทำให้นึกถึงเพลงดังอีกเพลงหนึ่งของโอลิเวีย นิวตัน-จอห์น บีทดนตรีก็มีคึกคักสนุกสนาน เป็นงานที่ชวนทั้งเต้นรำ ทั้งเต้นแอโรบิก แต่งานของลิปามาพร้อมความเข้มข้น หนักแน่น ที่มากกว่า และที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ ซาวนด์ดนตรีอิเล็กทรอนิก ในสำเนียงที่ยุคหนึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘อนาคต’

ขณะที่เสียงเครื่องสายใน “Love Again” ก็หวือหวา มาแบบเดียวกับเพลงดิสโกช่วงปลายยุค ‘70s ต่อต้นยุค ‘80s แต่ลิปากับทีมดนตรีของเธอมีหักมุมที่น่าสนใจ ด้วยการบรรเลงในท่วงท่าที่แตกต่างไป ในช่วงเปิดและปิดเพลงซึ่งฟังสวยและชวนหูเหลือเกิน

นอกจากคอนเส็ปท์ได้ เพลงมีเสน่ห์เฉพาะ การผสมผสานดนตรีจากอนาคตของอดีต กับอนาคตจริงๆ (ที่เป็นปัจจุบัน) ทำได้เนียนกลมกลืน ความเป็นป็อปของอัลบัมชุดนี้ ก็ไม่น้อยด้อยหน้าอัลบัม Dua Lipa เลย ที่หากฟันธงไปเลยว่า แข็งแรงไม่แพ้คอนเส็ปท์ หรือไอเดียในการสร้างงาน ก็ทำให้เสียดายธงซะเปล่าๆ เพราะขาดแน่ๆ

เอาง่ายๆ มาถึงตอนนี้ มีเพลงจาก Future Nostalgia ติดชาร์ตไปแล้วถึง 6 เพลง จากเพลงในอัลบัมทั้งหมด 11 เพลง

นอกจากเพลงสนุกๆ มีบีทให้เต้นรำ หรรษากันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น “Future Nostalgia”, “Physical”, “Don’t Start Now”, “Hallucinate” แล้ว ก็ยังมีเพลงน่ารักๆ อย่าง “Good in Bed” หรือว่า เพลงหวานๆ ที่มากับบีทกลางๆ “Cool”, “Love Again” ที่ฟังให้เพราะก็ได้ ฟังไปเต้นไปก็ดี ที่บางเพลงก็ไม่ใช่แค่เพราะ หรือสนุก เมื่อยังมีงานที่สะท้อนถึงปัญหาสังคม เช่น “Boys Will be Boys” ซึ่งพูดถึงความทรงจำแย่ๆ ที่มีต่อเด็กๆ ผู้ชายในละแวกบ้านตอนตัวเองยังเป็นนักเรียน

ที่เป็นการคำนึงถึงอดีต เช่นเดียวกับคอนเส็ปท์ของตัวงาน ที่ภายใต้ความสด ใหม่ คือ เสน่ห์และสำเนียงอันดีงาม น่ารำลึกถึงจากอดีต ที่ไม่ใช่แค่การเลียนแบบอดีตจากปัจจุบัน แต่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวและกลมกลืน

แล้วเมื่อฟังมาถึงตอนนี้ “นอกจากจะเป็นอัลบัมเพลงป็อปที่ดีชุดหนึ่งแล้ว Future Nostalgia คืองานที่ใช่และได้เลยในเรื่องของคุณภาพ”

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน พฤษภาคม 2563


[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.