วันที่ 30 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา วงการเพลงก็ต้องสูญเสียยอดฝีมือของวงการไปอีกคน โดยหนนี้เป็น ฟิล ราโมน สุดยอดโปรดิวเซอร์ เจ้าของฉายา “โป็ปแห่งวงการเพลงป็อป” ซึ่งเคยทำงานกับบ็อบ ดีแลน, พอล ไซมอน, แฟรงค์ ซินาตรา, พอล ไซมอน, เรย์ ชาร์ลส์, บิลลี่ โจล และอีกหลายๆ คน ที่จากไปด้วยวัย 72 ปี
โดยราโมนเข้ารับการรักษาอาการเส้นเลือดแดงใหญ่ โป่งพอง ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่โรงพยาบาล นิว ยอร์ค เพรสไบทีเรียน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ราโมนเกิดที่แอฟริกาใต้ เมื่อปี 1941 และเริ่มต้นเล่นไวโอลิน และเปียโน ตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ก่อนจะเดินทางมาที่นิว ยอร์ค ในช่วงวัยรุ่นเพื่อเรียนไวโอลินที่สาบันดนตรีชื่อดัง โรงเรียน จูเลียร์ด แต่หลังจากเรียนไปได้ไม่นาน ความสนใจของเขาก็เปลี่ยนเป้าหมายไปจากเดิม โดยราโมนหันไปให้ความสนใจเรื่องการทำงานทางด้านเทคนิค ในส่วนของการบันทึกเสียงแทน จากนั้นก็เริ่มต้นทำงานในฐานะนักแต่งเพลงที่ ตึกบริลล์ บิลดิ้ง ซึ่งเป้นแหล่งชุดนุมนักแต่งเพลงฝีมือดีมากมายในยุคนั้น
และการทำงานที่บริลล์ บิลดิ้งนี่เอง ก็ทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับตำนานของวงการเพลงหลายต่อหลายคน อาทิ ควินซี่ โจนส์, เจอร์รี่ ไลเบอร์ และไมค์ สตอลเลอร์ ก่อนที่จะเปิดห้องบันทึกเสียง เอแอนด์อาร์ เรคอร์ดิง ในปี 1959
ราโมนได้รับรางวัลมากมายในชีวิต โดยเขาได้รางวัลแกรมมี่ครั้งแรกในปี 1964 สำหรับการทำหน้าที่เอ็นจิเนียร์ให้กับอัลบั้ม Getz/Gilberto ซึ่งเป็นงานอมตะในทางของแจ็ซซ์ บอสซา-โนวา ของตำนานอย่างสแตน เกทซ์ และเจา กิลแบร์โต และในชีวิตของราโมน เขาคว้ารางวัลแกรมมี่มาครองได้ถึง 13 รางวัล จากการเข้าชิง 33 ครั้ง
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้มชุดสำคัญๆ อย่าง Blood on the Tracks ของบ็อบ ดีแลน, Still Crazy After All These Yearsของพอล ไซมอน รวมไปถึงงานของบิลลี่ โจลถึง 7 ชุด, อัลบั้มของแฟรงค์ ซินาตร้าในปี 1993 ที่เป็นการกลับมาสู่วงการอีกครั้งของนักร้องอมตะรายนี้ รวมไปถึงอัลบั้มชุดสุดท้ายของเรย์ ชาร์ลส์ Genius Loves Company และยังเคยร่วมงานกับ มาดอนนา, บรูซ สปริงสทีน, เลสลีย์ กอร์, สตีวี วอนเดอร์, พอล แม็คคาร์ทนีย์ และเบิร์ท บาคารัค
ในด้านของนวัตกรรมทางเทคนิค ราโมนได้รับการยกย่องจากการช่วยสร้างความนิยมให้กับแผ่นซีดี
“อุตสาหกรรมของพวกเรา ได้สูญเสีย บุคคลที่มากไปด้วยพรสวรรค์ มีวิสัยทัศน์ และเป็นอัจฉริยะ อย่างแท้จริง” นีล พอร์ทนาว ประธานของสถาบันการบันทึกเสียงกล่าวไว้ในแถลงการณ์
ตัวจากไป เหลือไว้แต่ผลงานอมตะอันมากมาย ไว้เล่าขานให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ต่อไป
จากเรื่อง ดาวดับลับแสง สุดยอดโปรดิวเซอร์ ฟิล ราโมน เจ้าของฉาบา “โป็ปแห่งวงการเพลงป็อป” คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 4 เมษายน 2556