By Sadaos
ชื่อเสียงอาจจะไม่คุ้นชื่อคอเพลงทั่วไปนัก แต่แมเดลีน เปย์รูกซ์ มีอัลบั้มชุดแรก Dreamland ออกมาตั้งแต่โน่น ปี 1996 และก็สร้างผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นศิลปินหญิงในแบบนักร้อง-นักแต่งเพลง, โฟล์ค-ป็อป, แจ๊ซซ์ ที่ได้รับการยอมรับในฝีมือคนหนึ่ง
โดยเฉพาะเสียงร้อง ที่ถูกหลายๆ คนนำไปเปรียบกับตำนานของวงการเพลงอย่าง บิลลี ฮอลิเดย์ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ แถมยังยอมรับด้วยว่า นอกจากฮอลิเดย์แล้ว เธอยังมี เบสซี สมิธ, แพ็ทซี ไคลน์, อีดิธ ไพฟ์, เลียวนาร์ โคเฮน, จอห์นนี เมอร์เซอร์, ชาร์ลี แชปลิน, เซิร์ก เกนสบวร์ก และบ็อบ ดีแลน ที่มีอิทธิพลต่องานเพลงของเธอ
นับจาก Dreamland ในปี 1996 เปย์รูกซ์ มีงานตามออกมาอีก 5 ชุด ได้แก่ Careless Love (2004), Half the Perfect World (2006), Bare Bones (2009), Standing on the Rooftop (2011) และ The Blue Room ในปี 2013 แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จโด่งดังมากมาย แต่ก็มีแฟนเพลงติดตามมากพอที่จะทำให้เธอออกผลงานได้เรื่อยๆ
กับอัลบั้มชุดนี้ จะเป็นงานรวมเพลง The Best of Madelaine Peyroux ที่คัดสรรงานเพลงของเปย์รูกซ์มาให้ฟังกันทั้งหมดถึง 27 เพลง บรรจุอยู่ในซีดี 2 แผ่น ฟังกันเต็มอิ่มตั้งแต่งานชุดแรก ไล่มาจนถึงงานชุดล่าสุด โดยทั้งอัลบั้มจะอวลไปด้วยงานเพลงนวลๆ ที่ผสมผสานดนตรีในรูปแบบต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงโจ๊ะเบาๆ อย่าง The Kind Yo Can’t Afford ที่หยอดไลน์กีตาร์ในแบบบลูส์ใส่เข้ามาได้น่ารักดี หรือ Bye Bye Love ที่มีอารมณ์คันทรีอบอวล ส่วน Changing All Those Changes ก็เป็นร็อค แอนด์ โรลล์ ที่ละมุน ละไมเป็นพิเศษ
ขณะที่ Standing on the Rooftop ก็ฟังขึงขัง ให้อารมณ์ในแบบร็อค ที่มีลักษณะเหมือนๆ กับงานทดลองกลาย เมื่อจังหวะจะโคน ทางเดินของโน้ต จะฟังแปร่งๆ ผิดจากรูปแบบทั่วๆ ไปในการทำงาน, Instead คือการจับแจ็ซซ์มาแต่งงานกับงานอะคูสติคได้แบบเนียนสนิท โดยเฉพาะไลน์เปียโนข้างหลังนั้น แย็บกินคะแนนไปเรื่อยๆ และ Dance Me to the End of Love เปย์รูกซ์ก็ปล่อยช่องว่างในเพลง เพื่อเปิดให้กับการด้นสดของเครื่องดนตรีชิ้นต่างๆ สำหรับการแสดงสดเอาไว้จนรู้สึกได้ชัดเจน
กับดนตรีที่ฟังลื่นละมุน อิ่มไปกับเมโลดี และตัวโน้ต เสียงร้องของเปย์รูกซ์ ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ จากสัมผัสแรกที่เสียงร้องทุ้มกว้าง ซึ่งบทจะเล่นเสียงเล็กเสียงน้อย ก็ทำได้อย่างน่ารัก ที่สำคัญก็คือ ‘อารมณ์’ ที่มากับเสียงร้องของเธอนั้นสัมผัสได้อย่างเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงภาษาอังกฤษ หรือว่าเพลงภาษาฝรั่งเศส จะรู้สึกถึงเสียงที่ร้องล้อไปกับตัวโน้ต โดยมีอารมณ์เศร้า สุข หยอกล้อ ออเซาะ แฝงในน้ำเสียง ซึ่งในเพลงอย่าง Smile ก็เป็นเพลงหนึ่งที่สัมผัสถึงความสามารถในการใช้เสียงของเธอ แล้วใน Desperadoes Under The Eaves เสียงร้องของเปย์รูกซ์ ก็เศร้าได้ใจเหลือเกิน
การบันทึกเสียงเอง ก็ช่วยส่งทั้งเสียงร้องและดนตรีกันเต็มที่ เมื่อเก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ดสำหรับเสียงดนตรี และวางตำแหน่งของเสียงร้อง และดนตรีให้ ‘หู’ ของเราสัมผัสได้เต็มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงร้องที่อยู่ข้างหน้า และมีเครื่องเคราต่างๆ วางไว้ข้างหลังอีกทีอย่างชัดเจน
แน่นอนว่า เพลงในอัลบั้มนี้ แม้จะเป็นงานรวมเพลง เป็นงานในแบบ The Best ก็ไม่ได้ฟังป็อปในแบบเพลง ‘ป็อป’ ทั่วๆ ไป แต่เป็นเพลงป็อป ที่ฟังไปเรื่อยๆ แล้วค่อยละลายความรู้สึก บดจิตใจให้ล่องลอย ผสมผสานไปกับเสียงร้อง และดนตรี ที่ต่างก็ให้นิยามได้ว่า “งดงาม”
จากเรื่อง งานรวมเพลงนวลๆ ของผู้หญิงที่ชื่อ Madeleine Peyroux โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 2 ตุลาคม 2558
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่
What is your reaction?
