Music ReviewREVIEW

อัลบั้มซาวนด์แทร็คหนัง Boyhood อีกหนึ่งงานเพลงประกอบหนังชั้นดี ที่ทำให้นึกถึง Forrest Gump กับเพลงที่เป็นหมายเหตุของกาลเวลา สำหรับหนังมหากาพย์แห่งชีวิตเรื่องนี้

boyhood ost dlBOYHOOD: THE MUSIC FROM MOTION PUCTURE / Various Artists
[Nonesuch/ Warner Music]

เรื่องราวของ Boyhood นั้นดูๆ ไปแล้ว ก็อดทำให้คิดถึง Forrest Gump ไม่ได้ กับการเล่าเรื่องราวชีวิตคนๆ หนึ่งตั้งแต่เด็กจนโต พานพบอะไรมากมายที่เข้ามา แต่ที่ต่างไปก็คือ นี่เป็นการทำงานกับนักแสดงชุด “เดียว” เริ่มจากช่วงที่ตัวละครหลัก ใช้งานได้ในเรื่องการแสดงที่วัย 6 ขวบ ไล่ไปเรื่อยๆ จนเติบโตพ้นวัย ไม่ใช่ Boy อีกแล้ว โดยไม่ดูเป็นแฟนตาซี หรือเว่อร์วังอลังการ หากดู “จริง” สิ่งที่ตัวละครพบเจอ ก็คือ เรื่องราวที่ “เรา” คนตัวเล็กๆ ใน “โลก” พบและเจอกันทุกวัน การหย่าร้างของพ่อ-แม่ การต้องปรับตัวกับชีวิตที่พลิกผันเปลี่ยนไป ไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โตในสังคม แต่มโหฬารในความเป็น “คน” เมื่อต้องรับมือ

ก่อนจะปิดท้ายด้วยบทสรุปของการใช้ชีวิต ซึ่งไม่ต่างไปจากที่ Forrest Gump ว่าเอาไว้ ชีวิตเหมือนกล่องช็อคโกแล็ท และเราก็ใช้มันด้วยการทำตัวเองเป็นดั่งขนนก ที่แล้วแต่ลมจะพัดพาไป ในแบบที่พร้อมจะเจอกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา หลายอาจจะมีเป้าหมายชีวิต ที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เราแค่ “ต้อง” รับมือกับสิ่งที่เจอ โดยที่ไม่รู้มาก่อนในชีวิต และเล่นตามน้ำไปให้ดีที่สุดต่างหาก

เป็นงานที่งดงาม และอบอุ่น พาตัวเองให้จมอยู่กับเรื่องราวได้นานๆ

อีกอย่างที่ Boyhood ทำให้นึกถึง Forrest Gump ก็คือ การใช้เพลงที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาในเรื่องไม่ต่างกัน จากปี 2000 ด้วย Yellow ของโคลด์เพลย์ ไล่เรียงไปจนถึง Deep Blue จากปี 2010 ของอาร์เขด ไฟร์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงใหม่ ที่แต่งสำหรับหนังเรื่องนี้ของ เจฟฟ์ ทวีดี แกนนำของวงร็อค วิลโค Summer Noon ที่ยังมี Hate it Here อยู่ในหนังอีกเพลง

แม้จะมีคอนเส็ปท์คล้ายกัน แต่เพลงของ Boyhood เมื่อเทียบกับ Forrest Gump ก็ไม่ต่างไปจากตัวหนัง ส่วนใหญ่ไม่ใช่งานของวงดนตรีชื่อดัง ไม่ใช่งานของซูเปอร์สตาร์ แต่เป็นงานฮิตของวงอินดี หรือวงดนตรีเล็กๆ ที่ทำให้หนังยิ่งดูเป็นงานของคนตัวเล็กๆ เป็นเรื่องของคนระดับธรรมดาสามัญชัดเจนยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น เพลงของเดอะ ไฮฟ์ส Hate To Say I Told You So, แค็ท พาวเวอร์ Could We, Do You Realize? จาก เดอะ แฟลมมิง ลิปส์ หรือ One (Blake’s Got a New Face) โดย แวมไพร์ วีคเอนด์ แต่เพลงที่ถือว่าเป็นคีย์ของเรื่อง ก็คงไม่พ้น Hero จาก แฟมิลี ออฟ เดอะ เยียร์ ที่มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า

“And we can whisper things / Secrets from our American dreams / Baby needs some protection / But I’m a kid like everyone else
“So let me go / I don’t wanna be your hero / I don’t wanna be a big man
I Just wanna fight like everyone else”

ที่เหมือนเป็นความในใจของเมสัน จูเนียร์ถึงแม่ ที่ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอด แต่ที่สุดแล้ว เขาก็อยากมีชีวิตของตัวเอง ต้องการเป็นอิสระเมื่อตัวเองพ้นจากวัยเด็ก ไม่ได้เป็น Boyhood ของแม่อีกต่อไป

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่งานของศิลปินอินดี หรือศิลปินเล็กๆ หากก็ยังมีเพลงของ โคลด์เพลย์ – Yellow, งานของอาร์เขด ไฟร์ – Deep Blue, เพลงของพอล แม็คคาร์ทนีย์ และเดอะ วิงส์ – Band on The Run หรืองานฮิตระเบิดระเบ้อในยุคหนึ่งอย่าง Good Girls Go Bad ของคอบรา สตาร์ชิพ ใส่เข้ามาด้วย

ในอัลบั้มนั้นมีเพลงเพียง 16 เพลง แต่ในหนังนั้นมีถึงกว่า 50 เพลงเลยทีเดียว ซึ่งทำออกมาเป็นอัลบั้มคู่แบบเดียวกับ Forrest Gump ได้สบายๆ แต่แม้จะขาดพร่องและไม่สมบูรณ์ 100% อัลบั้มซาวนด์แทร็คของ Boyhood ก็ยังเป็นหมายเหตุแห่งยุคสมัยได้ตามช่วงเวลาในหนัง เช่นเดียวกับเป็นงานเพลงรวมฮิตในหมู่คนเล็กๆ จากช่วงเวลานั้น

อาจจะมีสะดุดๆ อยู่บ้างกับการเรียงเพลง วางเพลง ที่ลบรอยต่อความต่างของยุคสมัย ของแนวทางเพลงได้ไม่เนียนนัก แต่กับการเป็นบันทึกเพลงฮิตของคนตัวเล็ก เป็นซาวนด์แทร็คในชีวิตของคนบางคน เช่นเมสันจูเนียร์ และอีกหลายๆ คนแล้ว

อัลบั้มชุดนี้ พาความคิดล่องลอยไปไกลเหลือเกิน…

จากคอลัมน์ สะกิดร่องเสียง โดย นพปฎล พลศิลป์ นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1168 16 กันยายน 2557
คลิกไลค์เพจสะเด่าส์ได้ง่ายๆ ที่นี่ แต่คลิกไม่ต้องถี่ และขอคลิกเบาๆ

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.