เปิดดูแล้ว Blackhat หนังจารกรรมไฮเทคบนโลกไซเบอร์ ของผู้กำกับไมเคิล แมนน์ และคริส เฮมสเวิร์ธ

ปี 2015 คริส เฮมสเวิร์ธ เป็นนักแสดงที่ถูกจับตามองว่า จะพุ่งขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของวงการ เมื่อมีหนังที่ได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับระดับท็อปของวงการถึงสองคน รอน โฮเวิร์ด – In the Heart of the Sea และเรื่องนี้ Blackhat ที่เขาได้ทำงานร่วมกับ ไมเคิล แมนน์ ผู้กำกับเจ้าของผลงานอย่าง Heat นอกจากนี้ยังมีหนัง Avengers: Age of Ultron ออกฉายอีกเรื่องหนึ่งในช่วงซัมเมอร์

แต่ไปๆ มาๆ หนังที่เฮมสเวิร์ธผู้พี่ทำงานร่วมกับสองผู้กำกับระดับคุณภาพคับกล่อง กลับให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่หลายๆ คนคาดกันไว้ล่วงหน้า

In the Heart of the Sea ที่ถูกเลื่อนฉายจากต้นปีมาปลายปี ซึ่งว่ากันว่าโยกมาเพื่อให้อยู่ในสายตาของกรรมการรางวัลต่างๆ ทำเงินแค่ 93 ล้านเหรียญจากทุนสร้างร้อยล้าน แถมไม่ติดเข้าชิงในรางวัลสำคัญตอนท้ายต่อต้นปีเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังดีกว่าเรื่องนี้ ที่ทำเงินแค่ 19 จากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญ แถมได้คะแนนจากเว็บหนังมะเขือเน่าแค่ 33% เท่านั้น

หากได้ชม จะรู้สึกว่า Blackhat ไม่น่าจะถูกสับโขกอย่างที่เป็น เพราะกับการเป็นหนังแอ็คชัน อาชญากรรมในโลกไซเบอร์ หนังทำออกมาได้สนุกมากกว่าหนังจารกรรมออนไลน์หลายต่อหลายเรื่อง การเล่าเรื่องขึงขัง หนักแน่นตามสไตล์ของแมนน์ โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกไล่ไปจนเกือบถึงฉากไคลแม็กซ์ในตอนท้าย หนังมาดีเลย ก่อนที่จะกลายเป็นหนังแอ็คชันตามสูตร

แต่นักวิจารณ์บางส่วนก็มองว่าหนังมีดีพอ โดยเฉพาะในเรื่องของงานสร้าง ที่จะเลือกไปอยู่ในลิสท์หนังดีประจำปีของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น แอนดรูว์ ไรท์กับบรูซ รีดจาก Parallax View, ไมเคิล นอร์ดีนจาก Village Voice, เบน ซาชส์จาก Chicago Reader, สเกาท์ ทาโฟยากับแดนนี โบว์สรวมไปถึงไบรอัน โดนและแม็ทท์ ซอลเลอร์ ไซท์ซจาก RogerEbert.com หรือว่าสตาฟฟ์ของ Slant รวมไปถึงนิตยสารไซท์สแอนด์ซาวนด์ ที่มีนักวิจารณ์ถึง 6 คนเลือกให้เป็นหนึ่งในห้าหนังเยี่ยมของพวกเขา

ในส่วนของรายได้ นักวิเคราะห์มองว่า หนังมีปัญหาเรื่องกลยุทธการตลาด ที่ไม่สามารถนำเสนอพล็อตที่ชาญฉลาดกับเรื่องในส่วนโรแมนซ์เพื่อดึงคนดูได้สำเร็จ แถมฉากแอ็คชันในตัวอย่างก็ขาดความสดมากพอจะดึงกลุ่มคนดูอายุไม่มาก ที่น่าจะเก็ทพล็อตของหนังได้มากกว่าผู้ชมกลุ่มผู้ใหญ่

ซึ่งก็เห็นด้วย เพราะหนังไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่บอก พล็อตก็ดูสด การเล่าเรื่องก็จริงจัง เข้มข้น มีความตื่นเต้น และเล่นกับอารมณ์คนดูได้ดี เป็นงานที่มีทั้งสไตล์ ความบันเทิง และเรื่องราวที่น่าสนใจ

จนไม่อยากให้ต้องพลาดกัน หรืออย่างน้อยก็ควรจะพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่ตัดสินลงโทษหนังจากคำบอกเล่าหรือข้อมูลของคนอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่แผ่นบลู-เรย์ของ Blackhat จะอยู่ในกลุ่มของแผ่นโปรโมชัน วางจำหน่ายในราคาไม่แพงนัก ก็น่าจะซื้อหามาชม แล้วจะรู้ว่าในแง่ของความบันเทิงนั้น หนังสนุก และดูเพลินไม่น้อยเลย

บลู-เรย์ของหนัง ทำออกมาเป็นงานแผ่นเดี่ยว มีแจ็คเก็ทที่ปกเป็นภาพเดียวกับปกแผ่นที่พิมพ์สองหน้า อัตราส่วนของภาพเป็น 2.40:1 เหมือนที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่แมนน์นิยมใช้ เสียงไทยมีให้เรียบร้อยโดยเป็นเสียง 5.1 ดีทีเอส คุณภาพการพากย์ถือว่าใช้ได้ แม้เสียงตัวละครหลักบางตัวดูจะแห้งแล้งอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับน่ารำคาญอะไร

มาถึงเนื้อหาพิเศษ ก็มีให้รวม 3 เรื่อง คือ The Cyber Threat, On Location Around The World และ Creating Reality ทั้งหมดมีบรรยายไทย

เรื่องแรกเป็นการพาไปรับรู้เรื่องราวในแวดวงแฮ็คเกอร์ กรรมวิธีการทำงานของพวกเขาที่มักจะมีการใส่ลายเซ็นหรือภาษาเฉพาะลงไปในงานด้วย นอกเหนือไปจากวิธีการที่เป็นเรื่องเฉพาะตัว เวลาเข้าไปเจาะระบบของใครต่อใคร ขณะที่ตัวตนของแฮ็คเกอร์เหล่านี้ ก็ไม่ได้ดูเป็นเด็กบ้าคอมพ์ใส่แว่นตาหนาเตอะ เพราะบางคนก็ดูแมนๆ เป็นนักกีฬาแบบเดียวกับเฮมสเวิร์ธในหนังนี่ละ โดยนอกจากทีมงานอย่าง ผู้เขียนบทและผู้กำกับจะมาเล่าเรื่องราวในส่วนนี้แล้ว ตัวจริงในแวดวงนี้ อย่าง เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ดูแลเรื่องอาชญากรบนโลกไซเบอร์ และอดีตแฮ็คเกอร์ที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการของนิตยสารไวร์ด มาร่วมแจมด้วย ที่นอกจากจะนำเสนออีกด้านของโลกออนไลน์ให้ได้รับรู้ ก็ยังมีการเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ในหนังว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดด้วย สำหรับความยาวของ The Cyber Threat อยู่ที่ราวๆ 13 นาที

เรื่องที่สอง On Location Around the World ยาวประมาณ 10 นาที จะแสดงให้เห็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหนัง นั่นก็คือเรื่องของสถานที่ถ่ายทำ ที่ไปกันถึง 4 ประเทศ 74 แห่ง ที่ไมเคิล แมนน์เลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อให้ตัวหนังมี “ความเฉพาะ” ในตัว อย่างที่ฮ่องกง หนังก็ใช้ความแออัด ป้ายไฟนีออนต่างๆ มาสร้างโลกอีกแบบให้หนัง แล้วก็ใช้สถานที่ดูแปลกตา อย่าง พื้นที่ระบายน้ำฝน มาเป็นฉากแอ็คชันไล่ล่าที่ลุ้นระทึก นอกจากนี้ยังมีเหมืองดีบุกเก่าที่เปรัค ในมาเลย์เซีย ที่ดูเวิ้งว้างราวกับเป็นพื้นที่บนดวงจันทร์​, กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซียที่เปี่ยมไปด้วยสีสันหลากหลาย ที่ยังถูกใช้เป็นฉากตามล่าในงานฉลองแบบชาวบาหลี ที่ถูกยกมาใส่ในตอนท้ายด้วย

เนื้อหาพิเศษเรื่องสุดท้าย Creating Reality ตลอด 17 นาทีที่ผ่านไป เราจะได้เห็นการสร้างตัวละครที่สมจริงขึ้นมาในหนัง ด้วยกรรมวิธีเฉพาะตัวของแมนน์ ไม่ว่าจะเป็น การให้เฮมสเวิร์ธไปดูโรงงานถลุงเหล็ก ซึ่งในเรื่องเป็นสถานที่ทำงานของพ่อตัวละครที่เขารับบท เพื่อให้เขาซึมซับชีวิตลูกชายคนงานถลุงเหล็ก ไปเยี่ยมชมเรือนจำที่ตัวละครถูกจองจำในเรื่อง หรือเอเลียส คอสตาที่เล่นเป็นผู้ก่อการร้าย ก็ได้รับเมลอธิบายความเป็นมาของตัวละครที่เขาต้องสวมบทบาทอย่างละเอียดจากแมนน์ ไวโอลา เดวิสก็ได้ไปพบเจ้าหน้าปปส. หญิงที่เป็นต้นแบบตัวละครที่เธอรับบท นอกจากนี้กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง แมนน์ก็พยายามทำให้ใกล้เคียงหรือเหมือนจริงอย่างที่สุด อย่างฉากในโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ในเรื่องเกิดการรั่วไหล การถ่ายทำก็จัดเตรียมทุกอย่างราวกับมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง

เนื้อหาพิเศษทั้งหมด ล้วนทำให้ได้รู้จักกับหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องแรกที่พาไปสู่โลกของพวกแฮ็คเกอร์ ที่ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่ได้เห็นใน Blackhat กว่าเดิมเช่นกัน

โดย นายสะเด่าส์ คอลัมน์ แกะกล่องหนังแผ่น นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1252 ปักษ์หลังมีนาคม 2561

BLACKHAT [ล่าข้ามโลก แฮกเกอร์มหากาฬ] รูปแบบ: บลู-เรย์ วางจำหน่าย: 13/05/2015 แนวหนัง: แอ็คชัน, อาชญากรรม จัดจำหน่าย: แคทาลิสท์ จำนวนแผ่น: 1 แผ่น ความยาวหนัง: 133 นาที ราคาปก: 899 บาท เรท: น18+
ผู้กำกับ: ไมเคิล แมนน์ นักแสดง: คริส เฮมสเวิร์ธ, ไวโอลา เดวิส, ถัง เหว่ย, หวัง ลี่ฮม
ภาพ: ไวด์สกรีน 2.40:1 เสียง: 5.1 ดีทีเอส เอชดี – อังกฤษ | 5.1 ดีทีเอส – โปรตุเกส (บราซิล), เช็ค, ฮังการี, สเปน (ละติน), โปแลนด์, รัสเซีย, ตุรกี, ไทย คำบรรยาย: อังกฤษ, โปรตุเกส (บราซิล), บัลแกเรีย, กวางตุ้ง, แมนดาริน, โครเอเชีย, เอสโตเนีย, เช็ค, กรีซ, ฮิบรูว์, ฮังการี, อินโดนีเซีย, เกาหลี, สเปน (ละติน), ลัตเวีย, ลิธัวเนีย, โปแลนด์, รัสเซีย, สโลวีเนีย, ไทย, ตุรกี, ยูเครน
เนื้อหาพิเศษ: 1. The Cyber Threat 2. On Location Around The World 3. Creating Reality

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่