เมื่อวันแม่เวียนมาถึงก็ต้องมีการคัดสรรบทเพลงเพื่อแม่ มาให้ได้ไปหามาฟังกัน หากจำไม่ผิดเมื่อปีที่แล้ว จะเป็นเพลงร็อค แต่ในปีนี้จะแตกต่างไปจากเดิม เพราะเป็นฝีมือของจู๊ด โรเจอร์ จากเว็บไซท์ของ The Guardian ซึ่งด้วยความเป็นอังกฤษก็ทำให้มีอะไรกวนๆ เฟี้ยวๆ ไม่แพ้เพลงร็อคของแม่เมื่อปีที่ผ่านมา
Treat Your Mother Right – มร. ที (1984): เพลงที่ว่าด้วยแม่ มีหลายรูปแบบ หลายแง่มุม ตั้งแต่แนวฟิลลี่ โซล สุดคลาสสิคของ the Intruders อย่าง I’ll Always Love My Mama มาถึง There’s No One Quite Like Grandma ของ St Winifred’s School Choir หรือเพลงป็อปของ Spice Girls – Mama แต่ว่ากันว่า ไม่มีเพลงไหนที่พิลึกเท่ากับของมร. ที ที่โด่งดังมาจากซีรีส์ the A-Team แต่เพลงนี้เป็นเพลงจากหนังสำหรับเด็กเรื่อง Be Somebody… Or Be Somebody’s Fool ที่ในมิวสิค วิดีโอ มร. ทีจะใส่กางเกงลายพรางขาสั้นรัดเป้า ร่ายแร็ปถึงความทุกข์ของแม่ โดยมีแบ็คอัพเป็นแม่ๆ 3 คน ซึ่งเนื้อร้องก็ถือว่าแสบใช้ได้ อย่าง “M is for the moan, and the miserable groan/ From the pain that she felt when I was born.”
Little Green – โจนิ มิทเชลล์ (1971): ปี 1964 นักร้อง-นักแต่งเพลงสาววัย 21 ปีรายนี้ พบว่าเธอตั้งท้องกับอดีตแฟนหนุ่มที่ทิ้งเธอไปอยู่แคลิฟอร์เนีย โจนิตัดสินใจอยู่ห่างๆ ครอบครัว แล้วก็คลอดลูกแบบลับๆ ก่อนจะยกให้คนอื่นไปเลี้ยง ซึ่งเธอกล่าวถึงประสบการณ์นี้ไว้ในเพลง Chinese Cafe เมื่อปี 1982 ที่ร้องว่า “My child’s a stranger/ I bore her/ But I could not raise her” และในเพลงที่แสนงดงามจากอัลบั้ม Blue เพลงนี้ ซึ่งอาจจะฟังแปลกๆ ในตอนนั้น “Child with a child pretending/ Weary of lies you are sending home… Little green, have a happy ending.” และหลังจากเวลาผ่านไป 33 ปี แม่-ลูกคู่นี้ก็ได้เจอกันในที่สุด
Let It Be – The Beatles (1970): จอห์น เลนนอน และพอล แม็คคาร์ทนีย์ ต่างเสียแม่ไปตั้งแต่ตัวเองยังเป็นวัยรุ่น ขณะที่ Julia ของเลนนอน เป็นเพลงเศร้าอารมณ์แบบเด็กๆ เนื้อหาตรงไปตรงมา Let It Be ของแม็คคาร์ทนีย์ก็ฟังคมคายไม่แพ้กัน ด้วยตอนนั้นความสัมพันธ์ของเขากับคู่หูในการแต่งเพลงคนสำคัญ อยู๋ในสภาวะขาดรุ่งริ่ง วงก็กำลังจะแตก แม็คคาร์ทนีย์อยู่ใน “ชั่วโมงแห่งความมืดมน” อย่างที่เนื้อเพลงว่าไว้จริงๆ และแมรี แม่ของเขาก็ปรากฏตัวในความฝัน “ยืนอยู่ตรงหน้า” แล้วให้คำแนะนำกับเขา ชื่อเพลงอาจจะบอกถึงอีกหนึ่งแมรีที่พูดกับแกเบรียลในคัมภีร์ไบเบิล แต่แม็คคาร์ทนีย์ก็ไม่ยอมเฉลยอกมาว่า จริงๆ แล้วเขากำลังพูดถึงใคร แต่จากเสียงร้องที่เปล่งออกมา มันเต็มไปด้วยความรักที่ลูกชายมีต่อแม่
Coat of Many Colours – ดอลลี พาร์ตัน (1971): แม่สามารถถ่ายทอดความรักที่มีต่อลูกๆ ได้หลากหลายวิธี และแม่ผู้ยากไร้ของดอลลี พาร์ตันในเพลงนี้ ก็ตัดเสื้อโค้ทให้ลูกสาวจากผ้าเก่าๆ แล้วก็เล่าเรื่องของโจเซฟให้ลูกฟัง ขณะที่กำลังเย็บเสื้อ โดยเธอหวังว่า เสื้อตัวนี้จะนำโชคดีและความสุขมาให้ลูกสาว แต่พาร์ตันกลับถูกทำร้ายโดยเพื่อนร่วมห้องเรียนแทน ในรายการโทรทัศน์ของตัวเองอีกหลายปีต่อมา พาร์ตันเล่าว่า เพลงนี้ช่วยเธอไว้ยังไง “หลังจากเพลงนี้ฮิต มันทำให้ความเจ็บปวดในชีวิตฉันหายไป เพราะเงินสามารถเยียวยาอะไรๆ ได้อย่างน่าทึ่ง!” พาร์ตันเอาเงินค่าโรยัลตี้ไปซื้อเสื้อขนมิงค์ให้แม่ ซึ่งก็ยังประหยัดเหมือนเคย เมื่อเอาเสื้อไปขายเอาเงินกลับมา
O Superman – ลอรี แอนเดอร์สัน (1981): “ฮัลโหล? นี่แม่นะ! ลูกอยู่หรือเปล่า?” แม่โทรหาลูกสาว และต้องงงๆ กับเสียงเครื่องตอบรับอัตโนมัติ แล้วเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป ฟังเฮี้ยบมากขึ้น นั่นคือแม่ในเพลงป็อปที่เหมือนเป็นงานทดลองของลอรี แอนเดอร์สัน ที่แม่คือฝ่ายบริหารที่เราต้องไว้ใจ และชีวิตวันเก่าที่แสนสุขของอเมริกาก็ไม่ต่างกัน เมื่อผู้บริหารทำอะไรที่เลวร้ายมากมาย อย่าง ส่งเครื่องบินไปปฏิบัติภารกิจทางทหารในต่างแดน ซึ่งเนื้อร้องจะพูดถึงวิกฤตการณ์ตัวประกันในอิหร่านเมื่อปี 1979 ก่อนที่แม่จะปรากฏตัวอีกครั้งในตอนท้าย กอดเราด้วย “long arms… your petrochemical arms” เพลงนี้กลายเป็นฮิตอันดับ 2 ในชาร์ทเพลงของอังกฤษ และทำให้เพลง The Birdie Song ต้องแหง็กอยู่ในอันดับ 3
(พรุ่งนี้มีต่อ)
จากเรื่อง เพลงของแม่ โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 12 สิงหาคม 2558
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่