Iron Man 3: คนเล็กเหล็กแน่นอก
โดย สกก์บงกช ขันทอง
จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151330664090904&set=a.10151147837105904.432361.650825903&type=1&theater
บอกตามตรงว่าชีวิตเลิกตั้งความหวังกับหนังซัมเมอร์พอๆ กับคลื่นสัญญาณ 4G ไปแล้วล่ะ เพราะซัมเมอร์แต่ละปีมันก็จะเต็มไปด้วยมหกรรมหนังเผาบ้านเผาเมือง, หนังภาคต่อ รีบู๊ท รีบอร์ค รีบอร์น รีโนเวท สารพัดรี คือมันชักจะมาเป็นซีรีส์ หารับประทานกับของเก่า จนหาความใหม่ และความตื่นเต้นไม่เจอ ไปแล้วล่ะ พอหาไม่เจอก็แบบ อ่ะ มาฉาย ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้
ยิ่งมาปีนี้ เห็นขบวนหนังต้อนรับซัมเมอร์แล้ว ก็มีความคิดที่อยากหนีไปบวชเณรภาคฤดูร้อนมากๆ เพราะมันเต็มไปด้วยหนังที่ค่อนข้างน่าเบื่อนะ จนเราสามารถแบ่งกรุ๊ปออกเป็นสองกรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัดนะ
คือ 1. หนังถล่มเมืองแบบสีลูกกวาด ก็แบบอ่ะ หุ่นยนต์ เห็นตึก เห็นสถาปัตยกรรมไรสวยงามเป็นแลนด์มาร์คของโลกไม่ได้ ชั้นจะตามไปถล่มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยนะ รอดูเลยนะ ลอนดอนอาย / ตึกแถวดูไบ / สนามกีฬาใหญ่ๆ จะถล่มให้แม่งไม่เหลือห่านอัลไล ซึ่งไอ้หนังพวกนี้จะอ่อนในเรื่องเหตุเรื่องผลมากๆ ประมาณพวก Battleship อ่ะ
กับ 2. ก็พวกหนังสำรวจด้านลึกในจิตใจ เอ็งต้องดิบ ต้องดาร์ค ต้องดีพ ดนตรีหม่นๆ และต้องกำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ต่อให้ใส่ชุดรัดติ้วเห็นแหนมตุ้ม ก็จะต้องโชว์เครียด ชีวิตพวกฮอลลีวู้ดเมื่อไหร่จะหายเศร้าโศกจากเหตุการณ์ 911 นะ เศร้ากันจังเลย หนังก็ขยี้ให้เครียด จนอยากหยิบปืนไปยิงในโรงหนังจังเล้ยยยย
ไม่ว่าจะเป็นสตาร์เทร็ค (ไอ้ห่าน หนังจานบินมนุษย์ต่างดาวนะแก ลืมไปรึเปล่า เห็นหูสป็อค ก็ขำแล้ว จะให้เครียดเพื่อ ????) รึไอ้หนังซุปเปอร์แมนโดนตำรวจจับ ไอ้บ้า เอ็งโดนจับข้อหาอนาจารโชว์จู๋ป่าววะ
โอเค คือหลังจากหนังแบทแมนของโนแลนแม่-เป็นหนังดีมาก เข้าใจ แต่ลองคิดถึงเด็กตาดำๆ ที่ต้องเกิดมาในยุคนี้สิวะ มันควรจะมีหนังสีๆ ให้เด็กรู้สึกว่า เออ หนูอยากเป็นฮีโร่จัง ไม่ใช่เห็นซูเปอร์แมนติดคุก กูไปสักเป็น แอล โอรสดีกว่า ไรงี้
และ Iron Man 3 ตัวอย่างนี่มาเลย เครียดชิบ ถึงขึ้นเตรียมหาพาราแด็กซ์หลังดูหนังจบเลย คือยอมรับนะว่า มาร์เวล หลังโดยมิกกี้ เมาส์เสียบหลังแล้ว ผมก็ไม่มั่นใจอะไรซักเท่าไหร่ เพราะภาคสอง ก็ไม่ค่อยปลื้มนะ ทั้งที่ภาคแรกดีชิบ แถม The Avengers ก็กลายเป็นเกราะเพชร 7 สี ซะจนขำมากกว่าน้ำตาไหลที่มันมารวมตัวกัน ก็เลยพกอคติเข้าโรงไปเต็มๆ พอๆ กับลุงซานต้าพกของขวัญให้กับเด็กๆ
แต่พอดูแล้ว…
ไอ้ที่ด่าบ่นมาทั้งหมด โปรดเอาไปลงชักโครกให้หมดเหอะนะ เพราะ Iron Man ภาคนี้ แม่-โคตรตลก สนุก กินใจ ไอ้เห้- (คำหลังชมนะ แบบว่า เห้-ชิบหา- เบย ไรงี้)
คือมันอาจจะเข้าไปอ่านใจเราว่าเราเบื่ออะไร มันเลยจัดชุดใหญ่ให้แบบเหมาแพคเกจเลย
ชอบดาร์คใช่มั๊ย ? ได้…มีปมอดีตของตัวร้ายมอบให้
ชอบโรแมนซ์ใช่มั๊ย ? ได้…ให้ตัวโกงจับกวินเน็ธ ให้ไอออน แมนไปช่วย เพื่อเติมความโรแมนซ์
ชอบเผาบ้านเผาเมืองใช่มั๊ย ? ได้…เอาฮ.ไปยิงถล่มบ้านไฮเทคของไอ้พระเอกแม่มเลย
ชอบมุขฮาๆ ใช่มั๊ย ? ได้…อยากได้ตลกแบบไหน คำพูด ตลกเจ็บตัว ตลกผู้ดี ตลกร้าย มีให้หมด
ชอบโนแล่นสไตล์ใช่มั๊ย ? ได้ จัดปมเครียดให้ตัวพระเอก ที่เป็นโรคหวาดระแวงจนนอนไม่หลับมา 72 ชั่วโมงให้เลย
หนังมันยำใหญ่ จนสงสัยว่ามันทำได้ยังไงวะ ? ที่เอาทุกสิ่งยัดใส่ และเจือกกลมกล่อมซะด้วย
สรุปตัวอย่างที่ฉายมา มันหลอกทั้งหมด ไม่เรียกว่าหลอกสิ เรียกว่าเล่าไม่หมดมากกว่า
หนังเริ่มต้นด้วยย้อนหลังปี 1999 ตอนที่ไอ้โทนี่มาปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ (เอ็งเปิดด้วยเพลงของ Eiffel 65 ขนาดนี้ ก็ต้องก้มลงกราบแล้วล่ะ) มีไอ้นักวิทยาศาสตร์ค่อมมาขอปรึกษาเรื่องพลังงานไรซักอย่าง แต่ไอ้โทน (ขอเรียกว่าไอ้โทน แทนโทนี่นะ ขี้เกียจพิมพ์) เลือกจะซั่มหญิงแทนที่จะใส่ใจไอ้ค่อม ที่รอคอยอย่างเดียวดายบนดาดฟ้า และนั่นคือชนวนแค้นครั้งสำคัญ
หลังจากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่ไอ้โทนเครียดหลังจากเหตุการณ์หนอนยักษ์ถล่มเมือง (ไปดู The Avengers ซะนะ) มันนอนไม่หลับ พยายามจะคิดค้นชุดไอออน แมนในแบบต่างๆ (ซึ่งเก็บไว้ดูดเงินพวกเราในโลกแห่งความจริงแหละ) และก็ก่อเกิดตัวร้าย แมนดาริน ที่แสดงโดน เบน คิงสลีย์ในคราบกึ่งๆ แมนจู โชว์ฆ่าคนโชว์ระเบิดเมืองถ่ายทอดสด โดยมีไอ้ค่อมที่ตอนนี้หล่อเฟี้ยวแล้วคอยหนุนหลังให้
ไอ้โทนอยู่ดีไม่ว่าดีก็ไปท้าตีท้าต่อยกับไอ้แมนจูผ่านสื่อ บอกว่างานนี้การเมืองไม่เกี่ยว จะไฝ้วกับเอ็งด้วยเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ (ทำให้คิดถึงไอ้มาร์คที่บอกว่าตอนไปรบไม่คิดถึงประเทศชาติ เค้าคิดถึงแต่ตัวเองมากกว่า มั่กๆ)
และนั่นก็ทำให้ไอ้โทนโดนจรวดถล่มบ้านเละ ไอ้สาดดด สม ตายเพราะปากแท้ๆ 5555+
แล้วก็ตามด้วยการถล่มบ้านเมือง โชว์ชุดใหม่ๆ ทุกคนสามารถเป็นไอออน แมนได้แม้กระทั่งประธานาธิบดี สลับกับโชว์มุขฮาๆ
ซึ่งนั่นแหละ ทำให้รู้สึกว่าหนังมันสนุกโคตรๆ มาในจุดที่เออ เราเริ่มเบื่อหนังโนแลน หนังรีบู๊ท หนังห่าไรก็ไม่รู้ที่หม่นๆ หนังเรื่องนี้จึงโชว์ศักยภาพของการเล่าเรื่องที่สนุก โดยไม่ละทิ้งหัวใจสำคัญของมัน คือรู้ว่ากูทำอะไรอยู่
และหนังก็ตอบแทนการที่เราจ้องหน้าจอเพื่อจองตั๋ว รอคิวเข้าแถวซื้อตั๋ว ด้วยความรู้สึกที่เวรี่ฟินให้อย่างสาสม
อย่างน้อยๆ ลูกเด็กเล็กแดงก็รู้สึกแหละว่า ไอออน แมน แม่-คูล แม่-เท่ แม่-จ๊าบ จนลืมไอ้อัศวินรัตติกาลผงาดไปเลย
สรุปคุ้มค่ากับราคาป็อปคอร์นมหาแพงที่เสียให้มันไปนะ ใครเป็นคนขี้เบื่อหนังฮีโร่ ลองไปดูนะ แม่มสนุกชิบ วอดวายจิงจิง
ปล. เบน คิงสลีย์ แม่-ขโมยซีนโคตรๆ กูรักตัวละครตัวนี้และถ้ามาร์เวลจะใจดี กรุณาทำหนังภาคแยกให้มันเหอะ