Gravity [Alfonso Cuarón / 2013 / IMAX] ปล่อยมือฉันแล้วจากไปเสียเถิด….
โดย สกก์บงกช ขันทอง
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151582811715904&set=a.10151147837105904.432361.650825903&type=3&theater
ผมเคยจมน้ำหลายครั้งในชีวิต และทุกครั้งมันก็จะลงท้ายด้วยความหวาดกลัว และทุกครั้งสาเหตุสำคัญของการจมน้ำสาเหตุเดียวก็คือ ผมไว้ใจกับเท้าตัวเองมากเดินไป เมื่อเท้าเราเหยียบไปในผืนทราย เรามั่นใจว่าน้ำตรงนั้นตื้น แต่แล้วเมื่อเดินไปเรื่อยๆ เราก็พบว่ามันลึกเกินที่เท้าเราจะเหยียบย่างได้…ผมก็จะพลาดพลั้งและจมน้ำทุกครั้ง
หากผมกำลังจมน้ำ นักบินอวกาศอย่างไรอัน สโตนก็คงกำลังจมอวกาศไม่แตกต่างกัน
ผมเดินเข้าโรงสาย ทำให้ผมพลาดช่วงเวลาช่วงต้นของหนังไป ภาพที่เห็นในโรงหลังจากใส่แว่นสามมิติ คือภาพแววตาของไรอันที่ทั้หวาดกลัว ตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูก ซ้ายก็อวกาศ ขวาก็อวกาศ เธอร้องเรียกหาเพื่อนร่วมงานที่บินมาซ่อมสถานีอวกาศกับเธอ จนเมื่อแรงโน้มถ่วง สุดท้ายการหากันจนเจอของเธอกับ แมตต์ ทำให้ความหวังในการมีชีวิตของเธอกลับมาอีกครั้ง แต่แน่นอนหากอยากจะมีชีวิตอยู่บางครั้งก็ต้อง ปล่อย
เราเห็นการปลดปล่อยของดร.สโตนหลายครั้งมากในหนัง ไม่ว่าจะเป็นการปลดเข็มขัดเพื่อการหนีจากอุกาบาตอวกาศที่นำพาให้เกิดเรื่อง การปล่อยใครบางคนเพื่อการอยู่รอด ที่เห้นภาพที่สุดคือการ “ถอดทีละชิ้น” บนสภาวะแรงโน้มถ่วงที่ภาพที่เห็นไม่ต่างกับการอยู่ในครรภ์มารดา เหมือนว่าสิ่งที่หนังกำลังจะบอกว่า การปลดปล่อยคืออิสรภาพ คือความอยู่รอด คือการดำรงอยู่ของมนุษย์ คือการพร้อมที่จะเกิดใหม่ สำหรับสโตน การใช้ชีวิตที่ต้านแรงโน้มถ่วง จากลูกสาวที่ตายไป จากครอบครัวที่ไม่สนใจเธอ จากเพศสภาพที่มักมองเหยียดเธอ กระทั่งชื่อของเธอ ก็เหมือนการปักหลักเพื่อที่จะแสดงความเข้มแข็งเฉกเช่นผู้ชาย การเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของเธอ ก็ไม่แตกต่างจากการพยายามหลุดพ้นจากสิ่งต่างๆ ที่ดึงดูดเธอไว้อยู่
ในขณะที่คนอีกหนึ่งที่พยายามจะพาเธอเข้าสู่แรงดึงดูดคือ แมทท์ ผู้ชายที่คุยสนุก พร้อมที่จะเล่าเรื่องซ้ำๆให้ทางสถานีอวกาศฟังตลอดเวลา ย้ำคิดและย้ำทำกับเรื่องเดิมๆ เหมือนชีวิตจะมีความสุขกับแรงดึงดูดที่ตัวเองมี
คนหนึ่งพยายามจะต้านแรงดึงดูด อีกคนพร้อมจะถ่วงแรงดึงดูดไว้ ท่ามกลางแบคกรวด์ที่ระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาวมากมาย ความเงียบ สภาวะไร้น้ำหนัก ออกซิเจนที่เหลือเพียงน้อยนิด ผลักดันให้หญิงสาวที่ชาชินกับการต้านแรงดึงดูดของโลก จำต้องไขว้คว้ามันอีกครั้ง เมื่อคำว่า อิสรเสรีถูกแปรรูปเป็นนามธรรม เธอลอยเคว้งอยู่บนอวกาศ สิ่งที่เธอต้องทำคือการให้เท้าของเธอกลับไปเหยียบพื้นดินในโลกให้จงได้…อีกครั้ง
มิติที่ทับซ้อนทางสายตายามที่ดูผ่านจอขนาดยักษ์ มันยิ่งขับเน้นความเคว้างคว้าง ผู้กำกับพยายามสอนความแตกต่างระหว่าง Long Take กับ Long Shot ด้วยการถ่ายภาพ Extream Long Take ที่ยาวไกลประดุจคนตัดต่อแทบไม่ต้องทำงาน และอาจหาญทำ Extream Long Shot ด้วยภาพกว้างสุดลูกหุลูกตา แสดงให้เห็นจริงๆ ว่า มนุษย์เป็นเพียงเศษเสี้ยวนาโนของจักรวาล ไม่มีความยิ่งใหญ่อะไร ไม่มีฮีโร่ มีแต่คนกลัวตายคนหนึ่งที่ดิ้นรนหาทางเพื่อให้ชีวิตตัวเองรอด ก็เท่านั้น
สุดท้ายชีวิตคนเราก็จำต้องปล่อยสิ่งๆ หนึ่งเพื่อไปคว้าสิ่งๆ หนึ่งเพื่อต่อลมหายใจตัวเองเพื่อความอยู่รอด
ผมจำได้ทุกครั้งที่ผมจมน้ำ ทุกวินาทีหากมันเทียบได้กับจำนวนเฟรมหนัง ในทุกๆ เฟรม ผมจะนึกถึงชีวิตตัวเองตอนตาย นึกถึงคนอยู่ที่บ้าน นึกถึงครอบครัว ความตายมันช่างน่ากลัว มันอาจจะมีความยาวเท่ากับ 1 ชั่วโมง 30 ที่เราดูหนังเรื่องนี้อยู่ และทุกครั้งที่หัวผมพ้นน้ำ แสงสว่างรอบตัวจากท้องฟ้า มันบอกสัญญาณถึงชีวิตที่ยังไม่แตกดับ และมันจะสว่างกว่าทุกครั้งที่เราแหงนหน้ามองมัน
ดีใจที่เคยเผชิญหน้ากับการเฉียดตายจนรู้คุณค่าของชีวิต
และดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อได้ดูหนังเรื่องนี้ …