แทนคำนับพัน…

ภาพ ๆ เดียว..บอกทุกอย่างได้เท่ากับการเขียนหนังสือเป็นพันๆคำร้อยเรียงเป็นประโยค…

ความข้อนี้.. พิสูจน์ได้ชัดๆ ก็ข่าวอื้อฉาวปกติของวงการบันเทิง ว่าด้วย “ยาเสพติด” และการ “อัพยา“ ของบรรดา นักแสดง นักร้อง นักดนตรี นางแบบ

ล่าสุดก็นางเอกจากค่ายอากู๋หับโห้หิ้นและนายกฯ สมาพันธ์ภาพยนตร์ – GTH ที่เจอเข้าไป “ภาพ” เดียว..ช้อยเก็บฉาก ..แรพกอง..หรือเลิกการ “ถ่ายทำ” ได้เลย และหนังเรื่องนี้เป็น ..โศกนาฎกรรมแน่นอน

คำถามคือ พวกหนูอัพยา แล้วทำไมต้อง “ถ่ายรูป” เก็บเอาไว้ มันเท่ตรงไหน รู้หรือเปล่าว่า มันเป็น “หลักฐาน” ที่ ศาลเขาถือเป็น “พยานวัตถุ” ในทางกฎหมาย ถ่ายทำไมเออ.. ลุง สนจ.ไม่เข้าใจ

ตอนนี้เมืองไทยกำลังเข้าสู่ภาวะ โหมดของเรื่องในแบบ go so big…ฮา

ภาพนักแบดชายระดับโลกที่ต่อเนื่องเป็นภาพเคลื่อนไหวหลายๆ ภาพซึ่งได้ดูกันทั้งโลก.. แทนคำบอกเล่านับพันคำ เผลอๆ จะเป็นสิบๆ หน้ากระดาษเสียด้วยซ้ำ สำหรับการลุกขึ้นมา “ทำร้ายตัวเอง” และ ประเทศชาติ ในแบบที่ปฏิเสธไม่ได้ ถือเป็นการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองชนิดตายแหงๆ ตายแบบไม่มีโอกาสเป็นผีขึ้นจากหลุมได้ ไม่ว่าจะใช้หมอผีระดับไหนมาปลุก เอาเวทย์มนต์คาถาอะไรมาล้าง

ภาพอลัชฃีนั่งเจ็ตเพียงภาพเดียว .. สังคมชาวพุทธ และการมัวเมาลุ่มหลงของพุทธบริษัท และความร่ำรวยตลอดจนพฤติกรรมผิดวินัยสงฆ์ของไอ้หนุ่มคารมดีหำโตนคนหนึ่ง ก็เปลือยความพิกลพิการของ “สังคมไทย” ออกมาแบบล่อนจ้อน.. คำถามคือ ไอ้คนที่อยู่บนเครื่องบินเจ็ต ถ่ายทำไม สมีคำให้ถ่าย หรือไอ้ใครคนนั้นถ่ายเอง ถ่ายแล้ว..เอามาลงทำไม..?

ภาพในอดีตของ เสก โลโซ ซึ่งผ่านพ้นวิกฤติชีวิตมาแล้ว ถ้าย้อนกลับไปถามก็คือ ถ่ายไปทำ….อะไร ถ่ายทำไม ..มันเท่ขนาดต้องถ่ายเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกเลยหรือ ไม่สังหรณ์เลยหรือว่า วันหนึ่งมันอาจะย้อนศรกลายเป็นอาวุธกลับมาทิ่มแทงตัวเอง.. สนจ.ก็งงๆ และไม่เข้าใจอีกเหมือนกัน..

มีคำถามอีกหลายกรณีสำหรับโลกในยุคดิจิตอล ที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องในพริบตา ง่าย และชั่วแค่ลมหายใจเฮือกเดียว ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร..มันรู้กันสามบ้านแปดบ้าน รู้กันเละตุ้มเป๊ะ รู้กันแบบหมดไส้หมดพุง

คนไทยยุคนี้ได้เห็น “แทนคำนับพัน” แปลกๆ มาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน หลายๆ ชุดเห็นแล้วก็ได้แต่ “หงายเงิบ” ไปไม่เป็น ใบ้แดก .. ร้องเป็นโขนตัวยักษ์กันขรมว่า “เฮ้ย…เล่นกันขนาดนี้เลยเหรอ “ ภาพเหล่านี้มากมายหลายชุด เป็นภาพที่ดูแล้วรู้ทันทีว่า ไม่ได้ทำด้วยความคึกคะนอง แต่เป็นการทำแบบตั้งใจ มืออาชีพ ดูแล้วเห็นแล้วก็ได้แค่ตั้งคำถามกันเงียบๆ ว่า เฮ้ย มันมาจากไหน จู่ ๆมันหลุดออกมาได้อย่างไร ใครทำ และใครกล้าทำเรื่องแบบนี้.. แต่คำตอบที่ถามกันแบบงึม ๆงัม ๆ กลับ อยู่ใน ..สายลม

หลายคน ในหลายๆ อาชีพ เลยไม่ยอม “พกพา” หรือ “ซื้อ” มือถือในระบบดิจิตอล ที่ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่ง วิดีโอเคลื่อนไหว บันทึกเสียง ฯลฯ เอาไว้ใช้งาน เพราะกลัว “แทนคำนับพัน” หลายๆ ภาพที่ไม่ควรจะถ่ายหรือควรจะหลุดออกสู่ “สาธารณะ” ไม่ว่าจะทาง เฟซบุ้ค ทวิตเตอร์ หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ แต่มีอันหลุดออกไป.. ซึ่งพอหลุดแล้ว..

บายๆ สวัสดี ลาก่อน..ซาโยนาระ หงายเงิบ และ ใบ้แดก…

จำภาพเมาเละ เปลือยปลิ้น ของร็อคเกอร์สาวชื่อดังบางคนกันได้ใช่ไหมครับ

หรือ “เลิฟซีน “ของนักร้องดัง กับคนรักหนุ่ม ที่เล่นหนังชีวิตกันยาวเป็นชั่วโมง.. แถมมีบทสนทนายืนยันเรื่องการขอ “คิว” การร้องเพลงมาเป็น ซาวนด์ ออน ฟิล์ม ไม่นับภาษาอังกฤษวันละคำ ..ฮาร์เดอร์ ฮาร์เดอร์…เข้าไปอีก…ฮา

อนาคตบนเส้นทางตะกายดาว..ก็ได้แค่ตะหลิวผัดกับข้าวล้มคว่ำคะมำหงายอยู่หน้าเตาเท่านั้นเอง. แม้กระทั่งปฏิบัติการแก้แค้นของ ลูกสาว..ที่มีต่อพ่อของเธอ ด้วยการเปิดเผย “แทนคำนับพัน” เลิฟซีนของเธอกับ “สามีของพ่อ” ..ซึ่งเป็นเซเลบชื่อดังของสังคมไทย

ทั้งหมดนี้..ล้วนแล้วแต่ต้องตั้งถามว่า “ พวกเมริง จะถ่ายกันไปทำมายยยย ..ถ่ายแล้วก็เหมือนหลักฐานที่พลาดวันไหน ก็ตายหยังเขียดวันนั้น”

เชื่อหัวไอ้ สนจ.เถิดว่า เราจะได้เห็นคนดังตายหยังเขียดกันอีกหลายศพ…

จากเรื่อง แทนคำนับพัน… โดย สนานจิตต์ บางสพาน คอลัมน์ โลกมายา หนังสือพิมพ์ สยามดารา วันที่ 27 กรกฎาคม 2556