วงการเพลงอเมริกันปรับตัวผ่านความเจริญทางเทคโนโลยี จากยุคสินค้าจับต้องได้ อย่างซีดี, คาสเส็ทท์ และแผ่นเสียง มาสู่ยุคดาวน์โหลดไฟล์ ตอนนี้ก็กำลังจะขยับไปสู่ยุคของการฟังสตรีมมิ่งกันต่อ
แต่บ้านเรายังอยู่ในช่วงล้มลุกคลุกคลาน ซีดีหายใจรวยริน ดาวน์โหลดไฟล์ลูกผีลูกคนอยู่ในตู้อบ ไม่ต้องไปพูดถึงสตรีมมิ่งที่ผู้เล่นหลักมีเพียงแค่เจ้าเดียว เพราะฉะนั้นค่ายเพลงสากลในบ้านเรา ก็ต้องดิ้นรนกันหนักหน่อย ทั้งการขาย การโปรโมท ที่ทุกวันนี้ช่องทางต่างเหลือน้อยเต็มที ทางออกหนึ่งก็คือ การปล่อยอัลบั้มเก่าๆ มาใหม่อีกครั้งในแบบเพิ่มมูลค่า ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การทำอัลบั้มที่มีจำนวนแผ่นมากขึ้นแต่ขายในราคาพิเศษ
อย่างเช่น ดับเบิล แพ็ค ของค่ายโซนี มิวสิค ที่เลือกจับเอาอัลบั้มสำคัญๆ ของศิลปินมารวมกันเป็นงานแผ่นคู่ ซึ่งก็มีออกมามากมายหลายชุด และนี่ก็คือ งานของศิลปินหญิงอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมหาศาลในยุค 2000 แอฟริล ลาวีญจน์
ทางโซนี มิวสิคเลือกอัลบั้ม 2 ชุดแรก Let Go และ Under My Skin ซึ่งเป็นงานเพลงชุดสำคัญ ที่ทำให้แอฟริลกลายเป็นซูเปอร์สตาร์หญิงระดับหัวแถวของวงการมารวมกัน โดยเฉพาะ Let Go เรียกได้ว่าเป็นงานชุดที่ต้องมีกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลงของเธอหรือไม่ เพราะนอกจากจะเป็นอัลบั้มแจ้งเกิดให้เธอแล้ว Let Go ยังถูกยกให้เป็นอัลบั้มเปิดตัวในสายของเพลงป็อปที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของปี 2002 โดยทำยอดขายได้ถึง 17 ล้านก็อปปี้ ทั่วโลก และเป็นงานของแอฟริลที่ขายดีที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งเป็นอัลบั้มขายดีอันดับที่ 21 ของทศวรรษที่แล้ว รวมทั้งยังถูกเลือกเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดอันดับ 4 ในยุค 2000จากคนอ่านนิตยสารโรลลิง สโตน
งานชุดนี้มีเพลงฮิตมากมาย แล้วก็ครบรส ไม่ว่าจะเป็น Complicated ซิงเกิลแรกของอัลบั้ม ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล กลายเป็นเพลงดังทั่วโลก ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขา เพลงแห่งปี แล้วก็มี Sk8er Boi เพลงในสไตล์ป็อป-พังค์, I’m with You งานบัลลาดซึ้งๆ แล้วก็ Losing Grip
ขณะที่ Under My Skin งานชุดที่ 2 ของแอฟริลออกมาหลังจาก Let Go 2 ปี ซึ่งได้แรงส่งจากอัลบั้มแรกไม่ใช่น้อย เพราะสามารถเปิดตัวด้วยอันดับ 1 ในชาร์ทอัลบั้มของบิลล์บอร์ด และกลายเป็นอัลบั้มขายดีอันดับที่ 149 ในยุค 2000 แต่เมื่อเทียบกับ Let Go แล้ว Under My Skin ขายได้น้อยกว่า โดยทำยอดไป 10 ล้านก็อปปี้
กับเพลงที่ถูกตัดเป็นซิงเกิลถือว่าพอๆ กับอัลบั้ม Let Go โดยมี Don’t Tell Me เป็นซิงเกิลแรก แต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือ My Happy Ending ซิงเกิลที่ 2 ที่ขายได้ระดับแผ่นเสียงทองคำขาว
ถึงจะทำยอดขายได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับ Let Go มีเพลงฮิตที่ไม่เปรี้ยงสักเท่าไหร่ แต่ Under My Skin ก็คือการตอกย้ำความสำเร็จของแอฟริล ที่เห็นได้จากการเปิดตัวในอันดับที่ 1 ขณะที่ในเรื่องของคำวิจารณ์ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอัลบั้มชุดแรกมากนัก โดยนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ ให้เครดิตกับแอฟริลที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตมากขึ้น มีความชัดเจนในแนวทาง เมื่อตัวเพลงนั้นหนักไปในทางงานป็อป-พังค์ แบบเดียวกับงานชุดแรกๆ ของกรีนเดย์
และนี่คืออัลบั้ม 2 ชุดที่แจ้งเกิด และปูทางให้กับแอฟริล ลาวีญจน์ มาจนถึงทุกวันนี้
จากเรื่อง อัลบั้มแบบแพ็คคู่ของ แอฟริล ลาวีญจน์ โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 19 กันยายน 2557