10 เพลงที่ดีที่สุดของ The Killers

ได้ชื่อมาจากวงสมมติในมิวสิค วิดีโอของ New Order วง The Killers จากลาส เวกัส สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วยเพลงที่ว่าด้วยการแก่งแย่งชิงดี, รักร้าว, การฆาตกรรม และเพลงที่ตั้งคำถามกับคนฟังอย่าง “Are we human or are we dancer?” นับตั้งแต่อัลบัมแรก Hot Fuss ในปี 2004 พวกเขาสามารถผสมผสานธีมเศร้าๆ เรื่องราวดาร์คๆ เข้ากับรสนิยมทางดนตรีที่ดี รวมทั้งฮุคแบบป็อปมาตลอด และ 17 กันยายนนี้ พวกเขาจะมาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านเราที่ธันเดอร์ โดม เมืองทองธานี ซึ่งซื้อบัตรได้แล้วที่ www.ticketmelon.com ในราคา 3,500 และ 2,800 บาท แต่ก่อนจะไปชมการแสดงสดของพวกเขากับตา มารู้จักกับ 10 เพลงที่ว่ากันว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดของพวกเขากัน

“Jenny Was A Friend of Mine” (จากอัลบัม Hot Fuss, 2004): ส่วนหนึ่งของเรื่องราวฆาตกรรมไตรภาค ที่ผู้เล่าเรื่องในเพลงนี้ถูกซักไซ้เกี่ยวกับการฆาตกรรมอดีตคนรักของเขา ตัวเพลงเริ่มต้นด้วยเสียงประหลาดๆ แล้วตามด้วยเสียงเหมือนเฮลิคอปเตอร์ ที่บางคนอาจนึกถึง “Another Brick On The Wall” ของ Pink Floyd เสริมเข้ามาด้วยเสียงตบเบสส์ ขณะที่บรรยากาศชวนสงสัยก็ถูกคลี่คลายด้วยจังหวะจะโคนในแบบเพลงแดนซ์ และถึงจะไม่ถูกตัดเป็นซิงเกิล แต่แฟนเพลงที่มีหูใช้การได้ และชื่นชมภาพลักษณ์แบบเด็กอินดีที่ทาอายไลเนอร์สีดำปิ๊ด ต่างก็รู้จักเพลงนี้เป็นอย่างดี

“Spaceman” (จากอัลบัม Day & Age, 2008): อีกหนึ่งเพลงฮิตจากอัลบัม Day and Age ที่เนื้อหาน่าจะว่าด้วยการถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปและถูกนำไปทำการทดลองบางอย่างในค่ำคืนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองไปถึงว่าเพลงนี้มีการอุปมา-อุปไมยถึงอะไร ท่อนคอรัสในเพลงก็ถือว่าเป็นหนึ่งในฮุคที่เจ๋งที่สุดของอัลบัม ส่วนเสียงซินธ์ในเพลงนี้ ก็คือของดีที่สุดที่วงทำให้กับงานชุดนี้

“Tranquilize” Feat. Lou Reed (จากอัลบัม Sawdust, 2007): เพลงที่อยูในอัลบัมรวมเพลงซิงเกิลหน้าบี, งานหาฟังยาก, เพลงรีมิกซ์ของวง ซึ่งมีโทนหม่นๆ ตลอดทั้งเพลง แถมยังฟังดิบกว่าเพลงสะอาดๆ ฟังเป็นป็อปเพลงอื่นของเดอะ คิลเลอร์ส และนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มีเพลงนี้ในอัลบัมชุดนี้ แม้เนื้อหายากจะเข้าใจ แต่ก็พอจับได้ว่าสิ่งที่เพลงนี้พูดก็คือ ภาพของการทำลายล้าง และอาการทางจิต ซึ่งเหมาะเหลือเกินที่ได้ลู รีดมาร้อง

“Runaways” (จากอัลบัม ฺBattle Born, 2012): ถ้าบรูซ สปริงสทีน (Bruce Springsteen) เป็นนักร้องนำของเดอะ คิลเลอร์ส ทุกเพลงของพวกเขาก็น่าจะออกมาประมาณนี้ แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ มันก็กลายเป็นการใช้เสียงร้องแบบสปริงสทีนของแบรนดอน ฟลาเวอร์ส (Brandon Flowers) ที่ฟังทั้งเหมือนสปริงสทีน และเหมือนคนที่กำลังพ่ายแพ้มากกว่าที่เคย

“All These Thing That I’ve Done” (จากอัลบัม Hot Fuss, 2004): เป็นเพลงที่ขัดกับเพลงอื่นๆ ในอัลบัม Hot Fuss ที่มีความกระตือรือล้นอยู่ในเพลง แต่กับเพลงนี้ จะว่าด้วยเรื่องของชีวิตที่มากไปด้วยความทุกข์และปราศจากความหมายใดๆ ขณะที่เนื้อเพลงก็ฟังดูคลุมเครือ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า “I got soul, but I’m not a soldier” ที่ฟังไร้สาระ และยากจะหาความหมาย ส่วนท่อนจบก็ให้บรรยากาศแบบงานกอสเพล จากเสียงร้องของ The Sweet Inspirations กลุ่มนักร้องอาร์แอนด์บีที่ก่อตั้งโดยแม่ของวิทนีย์ ฮุสตัน (Whitney Houston) ก็ทำให้เพลงความยาวห้านาทีเพลงนี้ เป็นเพลงแรกของวงที่มีสัมผัสแบบอีพิค

“When You Were Young” (จากอัลบัม Sam’s Town, 2006): ว่ากันว่านี่คือเพลงโปรดยามร้องคาราโอเกะของแฟนเพลงในปี 2006 หรืออย่างน้อยก็ในตอนเล่นเกม Guitar Hero เนื้อร้องแต่ละท่อนร้องง่าย สมกับเป็นซิงเกิลนำของอัลบัม และเป็นอีกเพลงที่ฟลาเวอร์สเป็นหนี้อัลบัม Born to Run ของบรูซ สปริงสทีน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เดอะ คิลเลอร์สทำเพลงที่เป็นอเมริกันจ๋าๆ ออกมา

“Human” (จากอัลบัม Day & Age, 2008): ด้วยเนื้อหาที่คมคาย และมีซาวนด์ที่ได้รับอิทธิพลจากงานแบบอีดีเอ็ม คือจุดเด่นของงานชุดนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับจากอัลบัมผ่านๆ มา และนี่คือหนึ่งในเพลงไฮไลท์ของอัลบัม ที่มาเต็มทั้งดนตรีที่ฟังล่องลอยและการตั้งคำถามในเชิงปรัชญาที่ไม่ไร้สาระ “Are we human or are we dancer?” แล้วกับบีทแบบซินธ์-ป็อป สไตล์ดร. ลูค (Dr. Luke) ที่ฟังโอ่อ่าและไพเราะ รวมถึงเสียงคอรัสที่น่าหลงใหล ท่วงทำนองที่วนเวียนอยู่ในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล้วนทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ตอนออกมาในครั้งแรก มันถูกประเมินค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นงานที่ให้ความสำคัญกับตัวเองจนเกินไป แต่เมื่อเวลาผ่าน มันก็ถูกให้ค่าใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม

“Read My Mind” (จากอัลบัม Sam’s Town, 2006): ตอนแรกเริ่มเดิมทีชื่อของเพลงนี้คือ “Little Angela” แต่โปรดิวเซอร์บอกให้ทางวงเปลี่ยนชื่อ และปรับตัวเพลงใหม่ เพราะมันฟังคล้าย “Mrs. Robinson” มากจนเกินไป และท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการทำตามที่โปรดิวเซอร์แนะนำ และที่สำคัญที่สุด เป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของวง ที่มีซาวนด์คล้ายๆ งานของบรูซ สปริสทีน (Bruce Springsteen) น้อยที่สุดในอัลบัม Sam’s Town แล้วถึงจะเป็นเพลงอกหักแต่เดอะ คิลเลอร์สก็นำเสนอออกมาเป็นเพลงสนุกๆ ในแบบพวกเขา

“Mr. Brightside” (จากอัลบัม Hot Fuss, 2004): เพลงคลาสสิคของวง ที่ถ้าไม่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของพวกเขา ก็หมายความว่ามีอะไรที่ผิดพลาดมหาศาล ด้วยเสียงกีตาร์ในท่อนฮุค, จังหวะจะโคนที่เต้นรำได้ และการเล่นคำที่ฟังสนุก ไม่แปลกที่เพลงนี้คือเพลงที่กลายเป็นลายเซ็นของวง และกับการเป็นซิงเกิลแรกของเดอะ คิลเลอร์ส “Mr. Brightside” ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการทำงาน มาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

“Somebody Told Me” (จากอัลบัม Hot Fuss, 2004): ถึงจะเป็นหนึ่งในเพลงที่ใครๆ ก็จำได้ของเดอะ คิลเลอร์ส แต่ตอนถูกปล่อยมาในทีแรกนั้น มันไม่ได้สวยหรูอะไรเลย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถูกนำกลับมาออกใหม่ เพลงนี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอีกเพลงของวงที่ประสบความสำเร็จมหาศาล แบรนดอน ฟลาเวอร์ส (Brandon Flowers) เคยบอกออกมาว่า เพลงนี้คือเพลงที่เกี่ยวกับการ “พยายามเจอใครสักคนในผับ” ที่ทำให้รู้สึกถึงโครงสร้างของ “Girls & Boys” จาก Blur เมื่อเดอะ คิลเลอร์ก้าวเข้ามาในพื้นที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งเนื้อหาและดนตรีที่มีอิทธิพลของดนตรีดิสโก ที่เฉลิมฉลองความเป็นคนลักเพศอย่างสนุกสนาน เช่นในท่อนคอรัส “Somebody told me you had a boyfriend who looked like a girlfriend that I had in February of last year” (บางคนบอกผมว่า คุณเคยมีแฟนหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นแฟนสาวที่ผมเคยมีเมื่อเดือนกุมภาฯ ปีกลาย) ที่ในยุคนี้ สมัยนี้ นี่คือผู้ชายที่ดูคล้ายผู้หญิง หรือพวกเขาไปเจอผู้หญิงที่คล้ายผู้ชาย? หรือพวกเขาต่างเป็นพวกลักเพศเหมือนๆ กัน

ทั้งหมดทำให้เพลงนี้ไปได้ไกลกว่าการเป็นเพลงสนุกๆ ที่ลงตัวเพลงหนึ่งเท่านั้น

โดย นพปฎล พลศิลป์ จากเรื่อง 10 เพลงที่ดีที่สุดของ The Killers คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 1-2 สิงหาคม 2561

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่