เมื่อนิตยสารโรลลิง สโตน ให้ศิลปิน 50 รายมาจัดเพลย์ลิสต์ ไล่ตั้งแต่ มิก แจกเกอร์ กับเพลงบลูส์ ไปจนถึงเดรกกับจิมิ เฮนดริกซ์ ศิลปินเหล่านี้ ชอบเพลงอะไร? ของใครบ้าง? และคราวนี้เป็นคิวของเอลทัน จอห์น ศิลปินระดับตำนาน เจ้าของเพลงอมตะมากมาย ที่จะมาจัดเพลงพ็อป คลาสสิกรุ่นใหม่ ๆ ให้ฟังกัน
(แปลและเรียบเรียงจากเรื่อง The Playlist Issue นิตยสารโรลลิง สโตน ฉบับที่ 1119)
“เพลงเหล่านี้คือเพลงที่เยี่ยมยอดทุกเพลง การเขียนเพลงตอนนี้มันย่ำแย่มาก ๆ ถ้าคุณเป็นนักร้องที่พึ่งคนอื่น ๆ ให้แต่งเพลงให้ คุณไม่มีทีมนักแต่งเพลงอย่าง ฮอลแลนด์-โดซิเออร์-ฮอลแลนด์ส หรือบาคารัค-เดวิดส์ให้แน่ ๆ ลองมองดูคุณภาพของเพลงในปัจจุบันนี้ แล้วตั้งคำถามว่าพวกเขาจะเป็นงานคลาสสิกได้ไหม คำตอบคือ 99% ของเพลงเหล่านี้ไม่มีทางเป็นได้เลย แต่เพลงเหล่านี้จะเป็นเพลงที่ผมเปิดฟังไปชั่วนิรันดร์”
1. “Thunder on the Mountain” – บ็อบ ดีแลน (2006): “เสียงร้องของเขาสุดขั้วมาก ไม่ใช่โทนี เบ็นเน็ตต์ แต่ไม่มีใครเว้นวรรคแบบเขา ไม่มีใครทำให้คุณหัวเราะได้เหมือนเขา เขาทำให้ผมหัวเราะเวลาร้องด้วยน้ำเสียงแบบนั้น อัลบัมชุดนี้คือแม่แบบสำหรับผมในการทำงานใหม่ร่วมกับ (ลีออน) รัสเซลล์ ผมต้องเลือกบางสิ่งจากการทำงาน”
2. “Back to Black” – เอมี ไวน์เฮาส์ (2007): “สำหรับผม เธอเหมือนดัสตี สปริงฟิลด์ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จากลอนดอนตอนเหนือคือสาวโซลรุ่นเก๋า เธอถ่ายทอดบางสิ่งออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ ผมเคยดูเธอแสดงสดในลอนดอนและเธอก็น่าทึ่งมาก มันเป็นหนึ่งในโชว์ที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมได้ดูเลยล่ะ แล้วผมก็บอกเธอแบบนั้น ผมบอกว่า ‘ฉันเคยดูพวกนักร้องชั้นเยี่ยมมาแล้ว ฉันได้ดูทุกคน’ และเธอก็อยู่ตรงนั้นด้วย”
3. “Love the Way You Lie” – เอ็มมิเน็ม (2010): “เขาทำให้ผมหัวเราะได้เสมอ แล้วก็ทำให้ผมคิดถึงอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง แต่พรสวรรค์ขั้นสุดของเขาก็คือ การผสมเพลงแร็ปกับไลน์เมโลดีเจ๋ง ๆ ท่อนคอรัส ตอนที่ริห์อันนาร้องขึ้นมา มันเหมือนกับการทะยานขึ้นจากรันเวย์ เขาคือแร็ปเปอร์เบอร์หนึ่งสำหรับผม”
4. “Vibrate” – รูฟัส เวนไรต์ (2003): “ทั้งอัลบัมคืองานมาสเตอร์พีซ เป็นผู้ดูแล เป็นเสาหลักสำคัญของดนตรีพ็อปอเมริกัน โดยเนื้อร้อง… รูฟัสโคตรมหัศจรรย์ แล้วเขาก็เป็นสุดยอดมือเปียโน คุณไม่สามารถระบุตัวตนของเขาได้แน่ ๆ เขาทำโชว์เดี่ยวที่เป็นการสดุดีจูดี การ์แลนด์ ซึ่งบันทึกเสียงกันหลังจากที่แม่เขาเสีย เขาเดินบีทได้อย่างมั่นคงจากกลองของตัวเอง เพลงนี้มีทุกอย่าง อารมณ์ขัน, ความเศร้า, อารมณ์โรแมนซ์ และเมโลดีที่เยี่ยมยอด”
5. “Brothers” – Hot Chip (2010): “ผมเล่นเพลงนี้แบบไม่หยุด นับตั้งแต่มันถูกปล่อยออกมา ผมเป็นแฟนตัวยงของดนตรีอิเล็กทรอนิคนะ แต่ฮ็อตชิป… พวกเขาแตกต่าง พวกเขาไม่ได้มีแค่บีท บูม-บูม-บูม และนักร้องของวงก็มีเสียงร้องที่ฟังคร่ำครวญ ซึ่งต้องฟังให้ชิน แต่ถ้าคุณเข้าถึงมันแล้ว มันแสนมหัศจรรย์สุด ๆ”
6. “She Said” – Plan B (2010): “อัลบัมแรกของเขาคืองานแร็ป แล้วตอนนี้เขาก็ทำเพลงที่คล้าย ๆ กับ “Back to Black” ของเอมี ไวน์เฮาส์ เขาร้องออกมาได้โซลมาก ๆ แล้วเป็นสไตล์ในยุค ‘60s ที่มาพร้อมสีสันดนตรี (Groove) เจ๋ง ๆ”
7. “Australia” – The Shins (2007): “ผมไม่ได้สนใจเดอะ ชินส์เลย จนกระทั่งผมได้ดูหนังเรื่อง ‘Garden State’ พวกเขาทำให้ผมนึกถึง Crowded House มีเมโลดีที่มันไหลไปเรื่อย ๆ แล้วก็ความเป็นนักดนตรีชั้นดี เพลงของพวกเขาดีกว่างานของวงอินดีส่วนใหญ่”
8. “Say You Will” – คานเย เวสต์ (2008): “ตอนที่มันถูกนำเอามาใช้งานกัน ผมรู้สึกเบื่อที่จะได้ยินมาก ๆ แต่กับเพลงนี้มันคือความประหลาดใจ เป็นเพลงที่เซ็กซี เขาแร็ปนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่แล้วมันคือเพลงร้อง กับเสียงกลองไฟฟ้าซาวนด์เก่า ๆ สำหรับผมมันคือเพลงที่เปรียบได้กับ “Let’s Get It On” ของมาร์วิน เกย์แห่งปี 2008”
9. “When You Were Young” – The Killers (2006): “ผมคิดว่า พวกเขาเป็นวงดนตรียุโรปมากกว่าเป็นวงอเมริกันนะ พวกเขาทำเพลงว่าด้วยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ด้วยดนตรีแดนซ์ และหนึ่งในคนโปรดของแบรนดอน ฟลาเออร์สคือ นีล เทนเนนต์ของ Pet Shop Boys แน่ ๆ”
10. “Bad Romance” – เลดี กากา (2009): “เลดีกากา มีพรสวรรค์มาก ๆ ผมน่าจะเลือกเพลง “Telephone” นะ แต่ตอนที่ผมทำคอนเสิร์ตหาเงินให้ป่าฝนกับบรูซ สปริงสทีน เขาบอกว่า ‘Bad Romance เป็นเพลงที่เยี่ยมมาก’ และผมก็ได้ยินเขาร้องเพลงนี้ บรรดานักดนตรีที่แต่งเพลงด้วย มักคิดว่าเธอเจ๋งโคตร ๆ”
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่